มีคนถามว่า “แล้วการท่องเที่ยวบูม มันมีลักษณะอย่างไร ?” ตอบว่า ถ้าเป็นพวกชาวเน็ต ข้อสังเกตที่ง่ายที่สุดคือการโพสต์ด่านักท่องเที่ยวบางประเทศ ทำนองว่า“มาเยอะแล้วรับมือไม่ไหว” เหมือนเมื่อก่อนที่คนไทยโพสต์ด่านักท่องเที่ยวจีนกันมันมือ จีนมาบูมการท่องเที่ยวในไทยตอนหนังเรื่อง lost in Thailand ดัง มีตามรอยกันเป็นแถว บอกว่า ของมหัศจรรย์หนึ่งในไทยคือกะเทยไทย ที่ถ้าเป็นภาษากะเทยก็ต้องเรียก“เนียนนี” คือสวยเหมือนผู้หญิงจริงๆ
แต่ต่อมา การท่องเที่ยวจากจีนลดลง เนื่องจากหลายสาเหตุ คือฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในประเทศเขาแตก ทำให้ไม่ค่อยมีเศรษฐีใหม่อู่ฟู่ หลายคนรัดเข็มขัดมากขึ้น นี่ก็ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่จีนไปลือกันมากในเนตจนไม่กล้ามากัน มันเริ่มตั้งแต่หนังเรื่อง No more bets ที่พูดถึงคนจีนถูกจับมาทำงานค้ามนุษย์เป็นแกงค์คอลเซนเตอร์ในไทย เห็นแค่นี้คนจีนก็กลัวไม่ปลอดภัยแล้ว หนังเรื่องนี้คงไม่ได้เข้าเมืองไทย ทำภาพลักษณ์ไทยเสียหาย ก็คงโดนแบนแต๊ดแต๋แบบ brokedown palace หนังที่ว่าด้วยสองสาวขนยาเสพติดเข้าไทย แล้วนำเสนอภาพเจ้าหน้าที่ไม่ค่อยจะดี
ต่อมาก็ผีซ้ำด้ำพลอย ดารานายแบบจีนรายหนึ่งชื่อ หวัง ซิง โดนแกงค์คอลเซนเตอร์จับไปจริงๆ !! ยิ่งตอกย้ำความกลัวของคนจีนต่อการมาไทย มีคนชอบคิดไปเรื่อยแถวนี้สงสัยว่า “ทำไมรัฐบาลไทยเจรจาเอาตัวซิงซิงกลับมาได้เร็วจัง”แล้วก็ตั้งข้อสังเกตว่า “มันมีเจ้าหน้าที่ไทยอยู่เบื้องหลังหรือไม่ รายนี้ถึงแก้เกมเร็ว เพราะการพนัน คอลเซนเตอร์ มันมีผลประโยชน์มหาศาลอยู่เบื้องหลัง” อันนี้ก็ไม่ทราบ และก็ไม่รู้ว่า ถ้าเป็นความจริง เรื่องนี้จะถูกตีแผ่ได้หรือไม่
นักท่องเที่ยวจีน ( ชาติอื่นด้วย ) หายไปเพราะความชั่วช้าของผู้ประกอบการบางประเภท ที่พอเห็นนักท่องเที่ยวก็เห็นว่าหมูวิ่งมาลงอวย ขายของแบบฟันราคาหัวแบะ ตกลงกับแทกซี่ว่า เอาต่างชาติมาส่งร้านอาหารนี้เอาไปหัวละกี่บาทว่าไป พอท่องเที่ยวซบเซาก็ได้รู้สึกกันบ้าง และหวังว่าคงหลาบจำ เพราะร้านฟันหัวแบบนี้คนไทยก็ไม่เข้าให้โง่ ..นอกจากเรื่องคนไทยขายของฟันราคา ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องนักท่องเที่ยวจีนมาไทยแบบไม่กระเด็นสักบาท คือทัวร์ศูนย์เหรียญ ซื้อของร้านจีน ไปพักที่พักที่จีนถือครองใช้คนไทยเป็นนอมินี ซึ่งภาคอสังหาฯตอนนี้เขาก็เครียดกันอยู่ คอนโดย่านคนจีนเยอะอย่างห้วยขวาง หลายแห่งแอบทำเป็นห้องให้เช่า
ที่ว่าไปก็รู้สึกว่า เราต้องมีมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ขณะเดียวกัน เราต้องมีมาตรการระวังนักท่องเที่ยวมาหากินและเบียดเบียนทรัพยากรในประเทศ ..จีนนั้นนโยบายภาครัฐในการปราบปรามคอร์รัปชั่นพวกรวยไม่รู้ที่มาแข็งแรง พวกก็เลยย้ายทรัพย์สินมาลงทุนในไทย จ้างนอมินีไทยพวกขายแผ่นดินถือครองทรัพย์สิน รัฐบาลเขาว่ากำลังจับมือกันระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมที่ดิน และ ปปง. ออกกฎหมายใหม่จัดการนอมินีเหล่านี้ให้สิ้น ก็ต้องรอดู
ภาคการท่องเที่ยวซบเซา นโยบายฟรีวีซ่าก็ดันได้แต่อะไรมาไม่รู้ ที่อยู่เลยวีซ่าแล้วหาทางทำงานที่นี่ หรือมาเป็นกุ๊ยตามแหล่งท่องเที่ยว มีข่าวบ่อยๆ แถวภูเก็ต พัทยา เรื่องต่างชาติกร่าง มีเรื่องกับคนพื้นที่ หรือพนักงานบริการ เรื่องพวกนี้รัฐบาลไทยจัดการอย่างไร “เพื่อให้ได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ” คือ มีกำลังจ่าย ไม่หาลู่ทางทำอะไรไม่ถูกไม่ควรในไทย และก็ต้องดูแลเรื่องสาธารณูปโภค เส้นทาง ความสะอาด และจัดการผู้ประกอบการนิสัยเสีย
ตั้งแต่ต้นปี การท่องเที่ยวก็ยังซบเซาจนถึงวันนี้ แค่ว่าซีเกมส์จัดในไทยปีนี้ กระแสเงียบฉึ่งจนงงว่า กระทรวงโปรโมทหรือไม่ เข้าใจว่ารัฐบาลมีความพยายามมีโครงการอะไรออกมา แต่ไม่ช่วยอย่างมีนัยยะสำคัญ การสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวดูจะเป็นโจทย์ใหญ่ มีนโยบายคัดกรองนักท่องเที่ยว กระตุ้นให้เกิดการบริโภคด้วยซอฟต์พาวเวอร์ได้จริง
เรื่องต่อไปที่บั่นทอนรัฐบาล คือ “ปัญหาชายแดน” ซึ่งในรัฐบาลนี้แรงอยู่ ชายแดนใต้ก็เกิดการสังหารเจ้าหน้าที่ ผู้บริสุทธิ์ในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน มีความพยายามกดดันให้เจรจาสันติภาพ ซึ่งก็ไม่รู้กระบวนการมันจะเกิดได้ตอนไหน ต้องไปคุยกับใคร และคนไทยยอมได้หรือไม่หากทางกลุ่ม BRN จะต้องการแบ่งแยกรัฐปาตานี หรือขอให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ เพราะอัตลักษณ์ทางศาสนาและภาษาที่แตกต่าง ปัญหาใต้แก้ไม่สำเร็จเสียที เพราะจะทำอะไรเดี๋ยวก็มีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลระวังผู้บริสุทธิ์ ( บางทีก็ไม่รู้ใครมันบริสุทธิ์บ้าง แอบแต่งบุรกาที่ปิดหน้าปิดตาทั้งหมดมาก่อเหตุก็มี ) อ้างสิทธิมนุษยชน เรื่องความมั่นคงมันละเอียดอ่อน พูดยาก ทางเราพร้อมเจรจา แต่ทางเขา ถ้าไม่เอาตามที่เขาต้องการ เขาไม่พร้อมเจรจาหรือไม่ และไม่รู้มี“หนอนบ่อนไส้”ในไทยหรือไม่

มาทางภาคเหนือและภาคตะวันตก ก็มีปัญหาใช่ย่อย จากการขนส่งยาเสพติดที่ผลิตในเขตว้าแดงเข้ามาไทย ไทยกลายเป็นจุดกระจายยา คนไทยก็ติดยาหนัก เดี๋ยวนี้มีข่าวจับยาบ้ากันรายวัน กองกำลังทหารปะทะกับกลุ่มค้ายาบ่อยๆ ขณะเดียวกัน ก็ต้องระวังการลักพาตัวค้ามนุษย์ของกลุ่มคอลเซนเตอร์ กลุ่มสแกมเมอร์ ที่ทั้งหลอกคนไทย คนต่างชาติ ( หรือก็มีคนไทยเต็มใจไปเองอยู่ เพราะคิดว่าเงินดี ) ปกป้องชายแดนจากกรณีเมียนมากับกะเหรี่ยงปะทะกัน ทำให้มีการผลักดันผู้ลี้ภัยมาในประเทศไทย ซึ่งตอนนี้ทางไทยก็ควักเนื้อไม่รู้เท่าไร เพราะผู้ลี้ภัยส่วนหนึ่งได้งบประมาณช่วยเหลือจากสหรัฐฯ แต่พอมารัฐบาลทรัมป์ ตัดเงินเอ็นจีโอที่ช่วยเหลือต่างประเทศ บางส่วนก็ถูกส่งมาช่วยเหลือค่ายเหล่านี้ ตัดเงินไปก็ลำบาก
มาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่าม!! เจอปัญหาเขมรอีก มันเริ่มตั้งแต่ทหารเขมรขึ้นไปเที่ยวแสดงสัญลักษณ์อะไรตรงปราสาทตาเมือนธม ก็มีการผลักดันออก แต่ก็ยังจะเข้ามาเป็นระยะ ขณะเดียวกัน ในโลกโซเชี่ยลฯ กระแสปั่นให้เกลียดเขมรเยอะมากขึ้น ซึ่งไม่ทราบว่า ไอ้ที่โพสต์ๆ มาหวังปั่นหรือเชื่อกันจริงๆ นั่นคือการโพสต์ทำนองว่า เขมรเป็นศูนย์กลางของความเจริญแห่งภูมิภาคมาก่อน ศิลปวัฒนธรรมอะไรที่มีในไทย ชุดไทย รำไทย โขน สงกรานต์ ลอยกระทง ล้วนลักไปจากเขมร กระทั่งมวยไทยก็ว่าพัฒนามาจาก“กุน แขมร์” แต่เห็นเขาแชร์คลิปกุน แขมร์ในโลกโซเชี่ยลฯ ก็เหมือนท่ากบขู่กัน บางท่าก็คล้ายๆ มโนเอาจากหนังองค์บาก
ไม่รู้ต้นตอความมโนมาจากอะไร แต่สามสี่ปีก่อนไม่เห็นอะไรขนาดนี้ที่มีรูปคนไทยเก่าๆ รูปรำไทย รูปชุดไทย แล้วถูกเอาไปแปะธงเขมร ลองดูเขมรรำไทยที่ชาวเขมรเอามาอวดกัน ก็ไม่เห็นว่ามันจะรำได้งามตรงไหน พยายามรำคอหักให้น่าเอ็นดู ขยับมืออยู่ไม่กี่ท่าคือรำส่ายกับสอดสร้อยมาลา แล้วก็โปรยดอกไม้เป็นรำอวยพร ไม่ทราบไปต่อท่ามาจากไหน แต่ถ้าได้แค่นี้ก็น่าจะต่อท่ามาจากอินเทอร์เนต ดูไม่มีครูคอยจับดัดตัว
ตอนนี้ก็มีกระแสเขมรห้าวฮั่มๆ ฮึ่มๆ จะมาเคลมพื้นที่ประเทศไทยตรงช่องบกอีก ข้ออ้างประหลาดๆ บอกเคยมาถ่ายรูป.. เชื่อว่าคนไทยหลายคนคงอยากให้จัดการเขมรให้หายซ่า แล้วปิดด่านสั่งสอนเหมือนตอนที่เขมรเผาสถานทูตไทย แต่ดูท่าทางการไทยอยากประนีประนอมให้มากที่สุด อาศัยกลไกเจรจา ซึ่งแม้จะมันเขี้ยวกับท่าทีรัฐบาลที่ไม่เด็ดขาดกับประเทศนี้เพียงใด ก็ต้องเชื่อว่า วิธีที่ดีที่สุดคือการเจรจา เพื่อลดความขัดแย้งและความสูญเสีย แต่ขอให้ตระหนักว่า เจรจาอย่างไรอย่าให้เขมรมาเหยียบตีนอยู่เรื่อยๆ ก็แล้วกัน
ข้างฝั่งเขมร อยู่ๆ จะประกาศพื้นที่ตรงช่องบกเป็นของเขมร แล้วจะไปฟ้องศาลโลกอะไรก็ไม่รู้ คราวนี้ก็ทำให้บางคนตื่นตัวขึ้นมา กลัวซ้ำรอยกรณีเขาพระวิหาร เขาอยากให้รัฐบาลแสดงความเด็ดขาดบ้าง ประนีประนอมมากไประวังจะเกิดข้อครหาว่า “รัฐบาลนี้มีผลประโยชน์ทางครอบครัวทับซ้อนอะไรกับเขมรหรือไม่ ?” และถ้าแอคชั่นไม่แรงพอให้เขมรหลาบจำกันบ้าง ก็ระวังเถอะจะมีการตีข่าวทำลายรัฐบาลว่า MOU44 เรื่องกรอบเจรจาปักปันเขตแดนในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ( ที่ตอนนี้ก็ยังไปไม่ถึงไหน ) จะมีการ“ลักไก่ขายชาติ” พื้นที่อธิปไตยทางทะเลที่มีก๊าซธรรมชาติมหาศาลอยู่
ปัญหาที่สามที่เห็นว่า ทำให้ประเทศไทยลำบากตอนนี้ คือเสถียรภาพของรัฐบาลเอง เห็นผลัดกันแทงหลังชักเข้าชักออกระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทยอยู่ ล่าสุดก็อดีตนายกฯแม้วจุดประเด็นทวงคืนมหาดไทยให้เขาเคืองเอาอีก ถ้าปรับ ครม.ไม่เป็นคุณกับภูมิใจไทยระวังเสถียรภาพรัฐบาลยิ่งง่อนแง่น จะไปขอให้พลังประชารัฐ ( พปชร.) มาร่วมรัฐบาล ก็ลองคิดดูว่า ถ้าต้องง้อ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. หลังจากที่ถูกถีบออกจากรัฐบาล คราวนี้ทางนั้นจะยื่นข้อเสนอขออะไร เผลอๆ กระทรวงใหญ่ .. “ข่าวว่า”ภูมิใจไทยยอมแลกมหาดไทยได้ แต่ต้องแลกกับคมนาคม ซึ่งทางเพื่อไทยไม่ยอมเด็ดขาด
พอพรรคใหญ่สองพรรคขัดขากันเอง เสถียรภาพทางการเมืองมันก็ไม่มี และส่งผลถึงเศรษฐกิจ การลงทุน รัฐบาลไม่นิ่งเขากลัวนโยบายอะไรเปลี่ยน ก็ยกตัวอย่างปัญหา 3 เรื่อง อยากเห็นว่า รัฐบาลจัดการอะไรได้ก่อน.
………………………………………………………
คอลัมน์ : ที่เห็นและเป็นอยู่
โดย “บุหงาตันหยง”