อาชีพของพ่อสร้างแรงบันดาลใจให้ลูก.. “น้องข้าวหอม” หรือ เด็กหญิงฉัตรปวี ปราบเสร็จ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 ใช้เวลาว่างช่วยคุณพ่อเพาะเลี้ยง “นกปรอดหัวโขน” หรือ “นกกรงหัวจุก” สัตว์ป่าคุ้มครองที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง โดยรับหน้าที่ป้อนอาหารลูกนก สร้างรายได้เสริมไว้เรียนหนังสือเดือนละ 1,800 บาท ขณะที่คุณพ่อเจ้าของฟาร์มเพาะพันธุ์นกรายแรกของ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง สามารถสร้างรายได้กว่า 20,000 บาทต่อเดือน จากความรักและความเชี่ยวชาญกว่า 15 ปี
ที่บ้านเลขที่ 199/4 หมู่ที่ 8 ต.หาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านของครอบครัว “น้องข้าวหอม” หรือ เด็กหญิงฉัตรปวี ปราบเสร็จ อายุ 14 ปีนักเรียนชั้นม.2 มีเนื้อที่ประมาณครึ่งไร่ ข้างบ้านจะทำเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงนกปรอดหัวโขน หรือ นกกรงหัวจุก และนกอื่นๆ อีกนับร้อยตัว

ทุกๆ วัน “น้องข้าวหอม” จะนั่งป้อนอาหารลูกนกแรกเกิดจนถึงอายุ 45 วัน หรือจนกว่านกจะกินอาหารได้เอง ส่วนใหญ่เป็นอาหารเปียกที่มีอาหารลูกไก่ผสมกับรำข้าวและธัญพืช โดยคุณพ่อสอนให้ลูกทำมาตั้งแต่เล็กจนช่วงที่น้องเรียนป.5 ก็ทำได้เอง ซึ่งจุดประสงค์ของคุณพ่อต้องการให้ลูกห่างไกลจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ และห่างจากเกม ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ซึ่งน้องข้าวหอมก็ทำได้อย่างคล่องแคล่วและมีวินัยรับผิดชอบหน้าที่

น้องข้าวหอม เล่าว่า “หนูเริ่มช่วยคุณพ่อเพาะเลี้ยงนกมาตั้งแต่ ป.5 ใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนและวันหยุดป้อนอาหารลูกนกวันละ 6 เวลา (ทุก 2 ชั่วโมง) เพื่อแบ่งเบาภาระคุณพ่อคุณแม่ ห่างไกลจากหน้าจอโทรศัพท์และเกม โดยในปีนี้ได้รับค่าจ้าง 1,800 บาทต่อเดือน หนูรู้สึกสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่นกับลูกนก ซึ่งการดูแลให้อาหารนกช่วยให้หนูมีสมาธิใจเย็นขึ้น และหนูยังได้ชักชวนเพื่อนๆ และคุณครูมาอุดหนุนนกที่ฟาร์มของคุณพ่อด้วย”

นายวิวัฒน์ ปราบเสร็จ อายุ 47 ปี คุณพ่อของน้องข้าวหอม เล่าว่า ตนใช้พื้นที่ว่างข้างบ้านประมาณครึ่งไร่ เปิดเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงนกปรอดหัวโขน หรือ นกกรงหัวจุก เป็นรายแรกในอำเภอหาดสำราญมากว่า 15 ปีแล้ว โดยได้รับการอนุญาตจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 จ.นครศรีธรรมราช อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ทุกอย่างเริ่มต้นจากความรักและความชื่นชอบในเสียงร้องและความสวยงามของนกกรงหัวจุกมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเข้าสู่วัยทำงานจึงสะสมและศึกษาการเลี้ยงดูอย่างจริงจังจนเชี่ยวชาญและขอขึ้นทะเบียนกับกรมป่าไม้ในปี 2553 และเริ่มเพาะขยายพันธุ์จริงจังในปี 2557 ด้วยการผสมข้ามสายพันธุ์ เพื่อให้นกมีสีสันและลักษณะที่โดดเด่น มีเสียงร้องที่ไพเราะน่าฟังมากขึ้น ปัจจุบันมีนกเกือบ 100 ตัว ทั้งสีเหลืองหน้านวล, หน้านวลคอแดง, ปรอทก้นแดง, ก้นเหลือง, นกเผือก และสีอื่นๆ ขายราคาเริ่มต้นที่ตัวละ 2,500-7,500 บาทแล้วแต่สายพันธุ์ สร้างรายได้กว่า 20,000 บาทต่อเดือน

ส่วนลูกนกอายุ 45-60 วัน ก็มีพร้อมจำหน่ายตลอดทั้งปี ไปจนถึงต้นเดือนมกราคมปีหน้า โดยส่วนหนึ่งได้ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเพื่อเพิ่มประชากรนกไม่ให้สูญพันธุ์ ขณะที่ลูกค้ามาจากทั่วทุกภาคของประเทศ ล้วนแล้วแต่ชื่นชอบความสวยงามและเสียงร้องของนกกรงหัวจุก มีทั้งซื้อไปเลี้ยงเพราะความชอบส่วนตัว เพื่อความสบายตาสบายใจ หรือซื้อไปเพื่อเพาะขยายพันธุ์ต่อเป็นอาชีพเสริม และนำไปแข่งขันประชันเสียงชิงเงินรางวัล ที่มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสนบาทต่อนัด

นอกจากเลี้ยงนกกรงหัวจุกแล้ว ตนยังต่อยอดเพาะเลี้ยงนกแก้วสวยงามในราคาหลักร้อย รวมถึงจัดทำกรงนกขนาดใหญ่จำลองป่าให้นกได้บินอย่างอิสระหลังฟักไข่ เพื่อลดความเครียดและยืดอายุนก แม้ตลาดจะไม่หวือหวาเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่หากพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ธุรกิจนี้ยังคงไปต่อได้ สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะหานกกรงหัวจุกไปเลี้ยงหรือแลกเปลี่ยนความรู้ สามารถติดต่อได้ทาง Facebook/TikTok ชื่อ “วัฒน์ ลูกผสม” หรือโทร 096 084 0323
นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : ทรงวุฒิ นาคพล จ.ตรัง
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..