ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สังคมทั่วโลกกำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง นั่นคือ “ภาวะเกิดน้อย” หรือที่หลายประเทศเรียกว่า “สังคมสูงวัย” ซึ่งหมายถึงจำนวนประชากรเด็กที่เกิดใหม่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ประชากรวัยทำงานและวัยชรากลับเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แนวโน้มนี้เห็นได้ชัดในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน รวมถึงประเทศไทยด้วย
ขณะเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นในทิศทางตรงกันข้ามก็คือ จำนวนสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะหมาและแมวกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อมาเลี้ยงจากฟาร์ม การรับอุปการะจากมูลนิธิ หรือแม้แต่การเลี้ยงแบบกึ่งเปิดกึ่งปิดที่พบได้ทั่วไปในสังคมเมือง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
ไลฟ์สไตล์คนเมืองเปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่จำนวนมากมีแนวโน้มเลือกที่จะอยู่คนเดียว หรืออยู่เป็นคู่แบบไม่แต่งงานและไม่มีลูก ความรู้สึกมั่นคงหรือเติมเต็มทางอารมณ์จึงมักหาได้จาก “สัตว์เลี้ยง” ที่เปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว ความน่ารัก ความซื่อสัตย์ และการมีปฏิสัมพันธ์อย่างเรียบง่าย ทำให้สัตว์เลี้ยงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ที่อยากมี “ความผูกพัน” โดยไม่ต้องมีภาระผูกพันหนักเท่าการเลี้ยงลูก

ภาระทางเศรษฐกิจและสังคม หลายคนเลือกที่จะไม่แต่งงานหรือมีลูก เพราะค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กหนึ่งคนในยุคปัจจุบันนั้นสูงมาก ตั้งแต่ค่าเล่าเรียน อาหาร ที่อยู่อาศัย ค่ารักษาพยาบาล การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงจึงเป็นทางเลือกที่มีต้นทุนต่ำกว่า แม้มีค่าอาหาร ค่ารักษา หรือของใช้เฉพาะทาง เมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายตลอดอายุของการเลี้ยงดูมนุษย์อีกหนึ่งคนแล้ว การเลี้ยงสัตว์จึงดูจะมีความสมเหตุสมผลมากกว่าในสายตาหลาย ๆ คน
บทบาททางอารมณ์และจิตใจ สัตว์เลี้ยงไม่ได้เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในบ้านเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นผู้ช่วยบำบัดทางอารมณ์ในยุคที่ความเครียดและความเหงาเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากการทำงาน การเรียน หรือการใช้ชีวิตในเมืองที่เร่งรีบ การได้ใช้เวลากับสัตว์เลี้ยง ช่วยให้เจ้าของรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และมีเป้าหมายในการใช้ชีวิตมากขึ้น หลายคนถึงขั้นระบุว่าสัตว์เลี้ยงช่วย “เยียวยา” จิตใจได้ในวันที่ยากลำบาก
โซเชียลมีเดียและวัฒนธรรมสัตว์เลี้ยง ภาพน่ารักของสัตว์เลี้ยงกลายเป็นเนื้อหายอดนิยมในโซเชียลมีเดีย ส่งผลให้การเลี้ยงสัตว์มีความน่าสนใจและเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่ บางคนถึงขั้นเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็น “อินฟลูเอนเซอร์” สร้างรายได้ผ่านโฆษณา รีวิว หรือการขายสินค้า ทำให้สัตว์เลี้ยงมีบทบาททั้งในชีวิตส่วนตัวและในแง่ของธุรกิจไปพร้อมกัน

ความรู้และเทคโนโลยีเอื้อต่อการเลี้ยงดู ในอดีตการเลี้ยงสัตว์อาจมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น การดูแลเมื่อเจ็บป่วย หรือขาดความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมสัตว์ แต่ปัจจุบันเรามีทั้งบริการโรงพยาบาลสัตว์ แพลตฟอร์มให้คำปรึกษา ไปจนถึงแอปพลิเคชันติดตามสุขภาพสัตว์เลี้ยง เทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้คนรู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าจะสามารถดูแลสัตว์ของตนได้อย่างเหมาะสมแม้มีข้อจำกัดด้านเวลา
ในวันที่อัตราการเกิดลดลงเรื่อย ๆ แต่ความต้องการมี “ใครสักคน” อยู่ข้างกายไม่ได้ลดลงไปด้วย สัตว์เลี้ยงจึงกลายมาเป็น “คำตอบ” ของหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนคลายเหงา ผู้ช่วยบำบัดอารมณ์ หรือแม้กระทั่งสมาชิกครอบครัวตัวจริง พฤติกรรมนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างลึกซึ้ง ซึ่งน่าสนใจว่าในอนาคต เราอาจได้เห็นนโยบายจากรัฐที่สนับสนุนการเลี้ยงสัตว์ควบคู่ไปกับนโยบายการส่งเสริมให้มีบุตร เพื่อรักษาสมดุลของสังคมมนุษย์และสัตว์ในโลกยุคใหม่.
ทีมข่าววาไรตี้สัตว์เลี้ยง