ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่ 17 มิ.ย. 2568 อนุมัติโครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) จำนวน 1,520 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ระยะเวลาเช่า 7 ปี ในกรอบวงเงินลงทุนโครงการ 15,355.60 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568-2575
พร้อมมอบหมายขสมก. รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงบประมาณ (สงป.) และกระทรวงการคลัง (กค.) ไปพิจารณาประกอบการดำเนินงานโครงการฯ เช่น ให้เร่งจัดทำแผนฟื้นฟู ขสมก. สางปัญหาหนี้สินที่มีอยู่ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท

ปรับแผนบริหารจัดการรถเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้บริการที่จะมีภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้นจากการปรับอัตราค่าโดยสารโดยเฉพาะกลุ่มรายได้ปานกลาง นักเรียน/นักศึกษาหรือพิจารณากำหนดมาตรการลดผลกระทบต่อผู้ใช้บริการ อาทิ การจัดทำบัตรรายเดือน รายสัปดาห์ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เร่งพัฒนาระบบตั๋วร่วม และกำหนดแนวทางปลดระวางรถโดยสารธรรมดา(รถร้อน) 1,520คัน เพื่อป้องกันไม่ให้นำมาใช้งานเป็นรถโดยสารสาธารณะ อันจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในเขตเมือง
นอกจากนี้ยังมีความเห็นในประเด็นรถเมล์ไฟฟ้า(EV) เช่น ขสมก. ต้องกำหนดขอบเขตของงาน (TOR)เกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ให้เช่าให้เกิดความชัดเจน ทั้งจำนวน สภาพรถโดยสาร สถานีอัดประจุไฟฟ้า อุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องพร้อมใช้งานตลอดอายุสัญญา และอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องทดแทนกรณีเกิดอุบัติเหตุ จัดทำแนวทางการบริหารการเผชิญเหตุและการช่วยเหลือผู้โดยสารในสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงภาระค่าใช้จ่ายและกรอบระยะเวลาที่ใช้รื้อถอนสถานีอัดประจุไฟฟ้าเมื่อสิ้นสุดสัญญา เป็นต้น
วงเงินโครงการ 15,355.60 ล้านบาท เป็นค่าเช่าตัวรถ 10,134.70 ล้านบาท ค่าซ่อมบำรุงรถ 3,240.03 ล้านบาท ค่าเช่าสถานีอัดประจุไฟฟ้า 967.40 ล้านบาท ใช้จ่ายจากงบฯ ปี 2568 ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว 368.40 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 14,987.20 ล้านบาท ผูกพันงบฯ ปี 2569-2574
ประมาณการรายได้ 52,654.19 ล้านบาท เช่น รายได้ค่าโดยสาร รายได้โฆษณา ประมาณการค่าใช้จ่าย 32,798.54 ล้านบาท เช่น ค่าเช่ารถโดยสารปรับอากาศพลังงานสะอาด ค่าเช่าตู้ชาร์จพลังงานไฟฟ้า ค่าเช่าพื้นที่จอดและชาร์จไฟรถโดยสารบางแห่ง ส่วนกำไรสุทธิตลอดระยะเวลาโครงการ 19,855.64 ล้านบาท

ขสมก.ร่างTOR เสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะประกาศร่างTOR เช่ารถเพื่อรับฟังความคิดเห็นได้ประมาณสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า กำหนดยื่นข้อเสนอเดือนก.ค. และลงนามสัญญาเช่าไม่เกินเดือนก.ย. (ให้ทันงบฯปี 2568) โดยรับมอบรถลอตแรก 500 คันเดือนส.ค.2569 จากนั้นรับมอบอีก 500 คัน ภายใน 3-4 เดือน และครบทั้ง 1,520 คันประมาณต้นปี 2570
เมื่อรับมอบรถใหม่แล้ว ขสมก. มีแผนนำมาให้บริการทดแทนรถธรรมดา(รถร้อน) ครีมแดง ที่ให้บริการในปัจจุบันรวมประมาณ 1,519 คัน เพื่อลดมลพิษ ตามแผนงานใช้พลังงานสะอาด จากรถทั้งหมด 2,884 คัน (รถปรับอากาศ 50%) อัตราค่าโดยสารรถใหม่กำหนดโดยคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง คาดว่าใกล้เคียงกับที่เก็บอยู่ 15-20-25 บาท (รถร้อนเก็บ 8 บาท) สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกรถร้อนจะหารือในระดับนโยบายเพื่อดูแลต่อไป ซึ่งปัจจุบันมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดูแลกลุ่มเปราะบาง
ขสมก.จัดซื้อรถใหม่ล่าสุดเมื่อประมาณปี 2561 เป็นรถโดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (เอ็นจีวี) สีฟ้า 487 คัน วงเงิน 4 พันล้านบาท ส่วนรถที่เหลือ 2,400 คันใช้งานมานานกว่า 20 ปีสภาพทรุดโทรม โดยเฉพาะรถร้อนมีปัญหาเขม่าควันดำ สร้างมลพิษ
สำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงข้อกังวลเรื่องคุณภาพของรถและจะใช้รถจากจีนนั้น ผู้เกี่ยวข้องยืนยันว่า จะเปิดกว้างให้ประมูลแข่งขัน และเชิญองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) มอบหมายผู้แทนเข้าร่วมสังเกตการณ์เพื่อความโปร่งใส ยืนยันดำเนินการอย่างถูกต้อง ครบถ้วนตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทุกขั้นตอน

ขสมก.ได้รับอนุญาตเดินรถ 107 เส้นทาง ผู้โดยสาร 6-7แสนคนต่อวัน รายได้ค่าโดยสาร6-7 ล้านบาท/ หรือขาดทุนวันละกว่า 1 ล้านบาท ต้องกู้เงินเสริมสภาพคล่องทุกปี เนื่องจากรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย จากการเก็บค่าโดยสารต่ำกว่าต้นทุน(เดินรถเฉลี่ย 1 กม. ต่อ 50-60 บาท) มีภาระค่าเหมาซ่อม 1,900 ล้านบาทต่อปี รถเมล์ใหม่จะทำให้ขสมก.บริหารจัดการเดินรถได้คล่องตัว ลดค่าพลังงานเชื้อเพลิง 3 เท่า ผู้โดยสารจะได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็วและปลอดภัยในการเดินทางยิ่งขึ้น
อดใจรอรถเมล์ใหม่แอร์ฉ่ำ ใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม …..รถเมล์ร้อนกำลังจะหมดไปจากถนนกรุงเทพฯ.
……………………………………………….
นายสปีด
***ห้ามคัดลอกเนื้อหาและภาพในบทความนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต