หลัง “ศาล รธน.” มีคำวินิจฉัย 8 ต่อ 1 เมื่อ 11 พ.ย. ให้แกนนำม็อบราษฎร อานนท์ นำภา รุ้ง-น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก ที่ปราศรัยในเวทีธรรมศาสตร์ รังสิต 10 ส.ค. 63 เสนอ 10 ข้อปฏิรูปสถาบัน ว่า เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สั่งผู้กระทำผิดและ “เครือข่าย” หยุดการกระทำรวมทั้งในอนาคตด้วย ซึ่งเท่ากับเป็น “กบฏ” มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ดูเหมือนทุกอย่างจะจบแล้ว แต่ของจริงคือจุดเริ่มต้นการไล่ล่าคนเห็นต่างจากผู้มีอำนาจรัฐ และกำจัดคู่แข่งทางการเมือง มีการไปยื่น กกต. ให้ยุบพรรคก้าวไกล หาว่าให้เงินม็อบและเป็นนายประกัน และให้ยุบพรรคเพื่อไทย หากเสนอให้ถก ม.112 ในสภา

เรื่องใหญ่ระดับนี้ ย่อมมีการแสดงความเห็นจากบุคคลต่าง ๆ ไม่น้อยแล้ว แต่ทวีความน่าสนใจมากขึ้นเมื่อมาจาก .ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ

อ.สุรชาติ ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งใน “วอยซ์ทีวี” เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า เดือน พ.ย. นี้มี 2 วันที่ถือเป็นจุดพลิกผันสำคัญในเหตุการณ์บ้านเมือง คือ วันแรก คือ 11 พ.ย. เมื่อศาล รธน. มีคำวินิจฉัยที่ว่า ปฏิรูปคือการล้มล้างการปกครอง (รายละเอียดดังที่เป็นข่าว) วันที่ 2 คือ 18 พ.ย. เมื่อ พรรค รบ.ทั้งหมดร่วมกับ ส.ว.เททิ้งร่าง ก.ม.แก้ไข รธน.ที่กลุ่ม “รี-โซลูชั่น” กับประชาชนกว่า 1.3 แสนชื่อเสนอเข้าไปเป็นครั้งที่ 2 แบบไม่ไยดี ในกรณีคำวินิจฉัยของศาล รธน.นั้น อ.สุรชาติ มองว่าถือเป็นการ “ปิดช่อง” ของภาษาและปิดช่องของ “โอกาส” เพราะในอดีตคำว่า ปฏิรูป คือหัวใจของปีกขวาไทยและคำว่า “ปฏิวัติ” คือหัวใจของปีกซ้ายไทย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ปีกขวาไทยตัดสินใจไม่เอาคำว่าปฏิรูปก็เท่ากับปิดประตูทุกอย่างสำหรับการเปลี่ยนแปลง “หากเรียกร้องให้ปฏิรูปกองทัพจะผิด ก.ม.มั้ยหรือต้องใช้ปฏิสังขรณ์ แทน” คำตัดสิน 11 พ.ย. จึงเหมือนแนวร่วมมุมกลับให้ฝ่ายเสรีนิยมมากขึ้น ส่วนในกรณีร่างแก้ไข รธน.ฉบับประชาชนที่ถูกเททิ้งแบบไม่ไยดีทั้งที่เป็นความหวังน้อยนิด โดยพรรค รบ.ที่เคยสัญญากับประชาชนว่าจะเข้าไปแก้ไข รธน.กลับร่วมมือกับ ส.ว.เททิ้งร่าง รธน.ฉบับนี้กลางสภา ซึ่งถือเป็นการหลอกลวงที่ใหญ่สุด เป็นการปิดประตูการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระบบรัฐสภา…

ศ.ดร.สุรชาติ มองว่า การเมืองหลังวัน “ลอยกระทง” (ปีนี้จันทร์เต็มดวง) เป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้ ผู้นำที่เชื่อเรื่องการเดินทางของดวงดาวทั้งหลายคงต้องหันมา ระวังอารมณ์คนบนถนน อารมณ์ของคนที่เบื่อหน่ายถูกปิดประตูไปเสียหมด อาจจะไปเร็วและแรงกว่าดวงดาวแห่งโหราศาสตร์?!?

ไพบูลย์"จ่อฟ้อง"บุญยอด"โพสต์หมิ่น | เดลินิวส์

จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่เห็น นายไพบูลย์ นิติตะวัน รอง หน.พรรค พปชร. รีบให้สัมภาษณ์หลังมีการประกาศในราชกิจจาฯ กรณีมีการ “โปรดเกล้าฯ” ร่างแก้ไข รธน.ปรับปรุงกติกาเลือกตั้งให้มีบัตร 2 ใบ เป็น ส.ส. เขต 400 คน และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คนแล้วว่า จะไม่มีการชนะแบบแลนด์สไลด์ร็อก มีแต่การยุบพรรคแบบแลนด์สไลด์ (ถล่มทลาย) มากกว่า ใครว่านี่ไม่ใช่ท่าทีของคนที่เริงร่า ลำพองใจ เชื่อมั่นในอำนาจของระบบที่พวกตัวเองสร้างเต็มที่ ทั้ง ส.ว.ลากตั้ง 250 คน ทั้ง “ตุลาการธิปไตย” ก็เอาเถอะ หากเห็นประชาชนเป็นแค่ลูกไก่ในกำมือ ระดม “แจกเงินฟาดหัว” ผ่านบัตรคนจนเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เชื่อง

แต่ยังไง อย่าลืมหันไปฟังความเห็นของนักวิชาการคนสำคัญของประเทศในฐานะเคยเป็นหนึ่งในแกนนำขบวนการนักศึกษาที่ยิ่งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์จากเหตุการณ์ 14 ต.ค.2516 ทั้งยังเป็นคอลัมนิสต์และเป็นอาจารย์พิเศษผู้บรรยายวิชารัฐศาสตร์ให้ทหารในเหล่าทัพต่าง ๆ ฟังมานานบ้าง มุมมองของ อ.สุรชาติ นั้นซื่อตรงต่อวิชาชีพและจุดยืนของตนเอง จึงทั้งทรงพลัง ทรงคุณค่า และแหลมคมยิ่ง หากจิตใจไม่มืดบอดเพราะอคติครอบงำ หรือสมองไม่เอาแต่บ้าจะสืบทอดอำนาจจนไม่ลืมหูลืมตา ก็สมควรต้องช่วยหาทางออกให้บ้านเมืองแบบมีสติปัญญาบ้าง ไม่ใช่หรือ.

——————————
ดาวประกายพรึก