มีสายข่าวแจ้งว่าตอนนี้การซื้อ-ขายไม้หวงห้าม ไม้หายากราคาแพงอย่าง “ไม้พะยูง” กำลังเป็นเรื่องธรรมดา ๆ ซื้อง่าย ขายคล่อง เหมือนการซื้อ-ขายใบกระท่อมถูกกฎหมายตามริมถนน ซึ่งถือว่าเป็นผลงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ส่วน “ไม้พะยูง” นั้น คนทั่วไปยังไม่รู้หรอกว่าสามารถซื้อขายครอบครองได้หรือ? เพราะมันผิดกฎหมาย! แต่คนที่ประสงค์ขายยืนยันว่าไม่ผิดกฎหมาย พร้อมกับอ้างอิงพ...ป่าไม้ (ฉบับที่8) ..2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 15 เม..62

โดยเฉพาะมาตรา 7 ของ พ...ดังกล่าวระบุว่าไม้ชนิดใดที่ขึ้นในป่าจะให้เป็นไม้หวงห้ามประเภทใด ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา สำหรับไม้ทุกชนิดที่ขึ้นในดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่เป็นไม้หวงห้าม หรือไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ตามประเภทหนังสือแสดงสิทธิที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ถือว่าไม่เป็นไม้หวงห้าม

“พยัคฆ์น้อย” ขอเท้าความว่าเรื่องนี้เป็นงานรับผิดชอบของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และในการประชุมครม. ยุครัฐบาล คสช. เมื่อ 7 ส.ค. 61 ได้อ้างเหตุผลถึงการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนทำไม้หวงห้ามในที่ดินของตนเองได้สะดวกขึ้น เป็นการสนับสนุนให้มีการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ปลูกป่า ส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจสร้างรายได้

แต่ในที่ประชุม ครม.ครั้งนั้น มีข้อห่วงใยว่าอาจก่อให้เกิดปัญหาในการลักลอบตัดไม้ในเขตที่ดินของรัฐ แล้วนำมา “สวมตอ” เป็นไม้ที่ขึ้นในพื้นที่ดินมีกรรมสิทธิ์ หรือที่ดินตามสิทธิครอบครอง จน พล.อ.ประยุทธ์ต้องมีข้อสั่งการให้มีการเตรียมพร้อม ทั้งเรื่องการสำรวจ การขึ้นบัญชี กลไกเจ้าหน้าที่ ระบบออนไลน์ และอื่น ๆ

พยัคฆ์น้อย” เชื่อ 100% ว่าถ้าบ้านเมืองปกติ ไม่มีการรัฐประหาร และสมาชิกสภามาจากการเลือกตั้งของประชาชน กฎหมายมาตรา 7 ในข้างต้น จะไม่มีทางผ่านสภาออกมาได้ เพราะเราต้องอนุรักษ์ป่า ไม่ใช่การส่งเสริมด้วยทางตรง หรือทางอ้อมให้มีการตัดไม้ทำลายป่า โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจ หรืออาจหลับตา 1 ข้างให้กับนายทุน

“พยัคฆ์น้อย” ขอถาม พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ดังนี้ว่า 1.รัฐบาลดูแลเจ้าหน้าที่รัฐได้ทั่วถึงแค่ไหน และเชื่อถือเจ้าหน้าที่รัฐได้แค่ไหนว่าจะไม่รู้เห็นเป็นใจกับนายทุนนำไม้หวงห้าม ไม้พะยูงในป่าพื้นที่ของรัฐออกมาสวมตอ

2.มีการสำรวจกันหรือไม่ว่ามีไม้หวงห้าม ไม้สัก ไม้พะยูง ขึ้นบนที่ดินมีกรรมสิทธิ์ หรือที่ดินตามสิทธิครอบครอง มากแค่ไหน บนที่ดิน 1 แปลง มีไม้สัก ไม้พะยูงขึ้นเอง 5-10 ต้นหรือเปล่า และ 3.บนที่ดิน ส..1-..3–โฉนด... ใครจะปลูกไม้หวงห้ามซึ่งโตช้า 30-50 ปี กว่าจะตัดขายได้ ใครจะปลูกไม้โตช้าไว้รอตัดขายเลี้ยงชีพ และหวังรวยบ้าง?

นี่แหละคือการเปิดช่องโหว่ให้เจ้าหน้าที่รัฐนอกแถวและนายทุนลักลอบเอาไม้ในป่าออกมา “สวมตอ” ขาย! อุปมา อุปไมย คนในแวดวงนักกฎหมายจัดสัมมนากันหลายครั้ง เพื่ออยากให้มี “ศาลจราจร” แต่เหลวทุกที! เพราะถ้ามีเจ้าหน้าที่แกะดำบางนายไปจับกุมผู้ทำผิดกฎหมายจราจร สุดท้ายต้องมีการต่อรองกันว่าจะยอมจ่ายตรงนี้! หรือว่าจะไปศาล! ดังนั้นศาลจราจรจึงเกิดยาก!

เหมือนกันเจ้าหน้าที่ป่าไม้นายทุนชาวบ้าน ยิ่งมีช่องโหว่ให้ “สวมตอไม้” ง่ายขึ้น! แล้วตอนนี้ถามว่าที่ดินของใคร? จะมีไม้สัก ไม้พะยูง 10-20 ต้น และมีขนาดใหญ่พอที่จะตัดขายได้ เพราะไม้พะยูงอายุ 50 ปี ขนาดลำต้นยังไม่ใหญ่เลย! ไม้สักอายุ 20 ปี ยังไม่มีแก่น ยังไม่มีลวดลายเสียด้วยซ้ำ! หรือแม้แต่ไม้ยางนาที่ว่าโตเร็ว แต่ใช้เวลา 20 ปี จึงจะตัดขายได้

ยิ่งมีควันหลง! จากการประชุมโลกร้อน “COP26” ที่สกอต แลนด์ เมื่อผู้นำประเทศไทยยังไม่ลงนามในสัญญาหยุดโค่นป่า ทั้งที่ผู้นำประเทศอื่น ๆ ลงนามกันไปแล้ว

ดังนั้นจึงต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ ตามตรงว่า คิดอย่างไรกับปัญหาตัดไม้ทำลายป่า หรือว่าต้องเปิดช่องไว้ให้ “วีไอพี” โค่นป่าเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย? หรืออยากให้มีการนำไม้สัก ไม้พะยูง “สวมตอ” ออกมาขายกันให้เกร่อเหมือนใบกระท่อม!!.

—————————-
พยัคฆ์น้อย