“ดูอะไรดี” ครั้งนี้เราจัดลูกผสม “ไทย” ปน “ฝรั่ง” ให้ได้อ่านรีวิวกัน เริ่มต้นกันที่หนังฝรั่งแนวระทึกขวัญกันก่อน

                Don’t Breathe 2″ การกลับมาอีกครั้งสำหรับหนังแนวสยองขวัญไล่ฆ่ากันทั้งเรื่องกับ หลังห่างหายจากภาคแรกไปนานกว่า 5 ปี โดยภาคแรกที่ออกฉายในปี 2016 เป็นหนังแนวแอ๊คชั่นทริลเลอร์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้รับความชื่นชมถึงความสนุกแบบลุ้นสุด ๆ ส่วนในภาคที่ 2 ตัวละครหลักอย่าง “นอร์แมน นอร์ดสตอร์ม” (รับบทโดย สตีเฟ่น แลง) อดีตทหารผ่านศึก ยังคงกลับมารับบทนำเหมือนเดิม หากใครชมหนังตัวอย่างไปแล้วจะเห็นว่าในภาคนี้ เขาได้รับเลี้ยงเด็กหญิงวัยประมาณ 10-12 ขวบเอาไว้ซะด้วย แต่แล้ววันหนึ่งบ้านของอดีตทหารก็โดนบุกรุกจู่โจม เป้าหมายคือเด็กหญิงที่เขาคอยดูแล เด็กผู้หญิงคนนั้นคือใครกันแน่ แล้วทำไมเธอต้องถูกไล่ล่า ทางเดียวที่จะรู้ได้คือเข้าไปชมในโรงภาพยนตร์เท่านั้น…

                ความโดดเด่นของ Don’t Breathe 2 สำหรับใครที่ไม่เคยดูภาคแรก (แนะนำว่าต้องไปหามาดูให้ได้) ก็ยังสามารถดูภาค 2 ได้ทันที เพราะเนื้อเรื่องไม่ได้เชื่อโยงเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด พล็อตเรื่องก็มีความแตกต่างจากภาคแรกอย่างสิ้นเชิง ลุงที่เคยโหดแถมอึดราวกับเป็น “ปีศาจ” กลับกลายเป็นคุณลุงผู้รักลูกหลานราวกับเป็นมนุษย์ผู้มีหัวใจ ไม่เหมือนปีศาจไล่ฆ่าคนแบบเลือดเย็นเหมือนภาคแรก ฉากสยองต่าง ๆ เลือดนองกองพื้น ยังคงมีให้เห็นตามแบบฉบับหนังแนวนี้ ฝีมือการแสดงของ “สตีเฟ่น แลง” ยังไงก็ยังเอาอยู่ แต่ที่ต้องชมหนัก ๆ ก็คือฝีมือการแสดงของน้อง “เมเดอลีน เกรซ” ที่มารับบทเด็กผู้หญิงปริศนา น้องเล่นดีสุด ๆ อารมณ์เหมือนเป็นเด็กเก็บกด เศร้า เหงาอยากมีเพื่อน ถูกเลี้ยงแบบไข่ในหินก็จริง แต่เธอก็ยังเข้าใจว่าทุกอย่างล้วนมีเหตุผล

            สรุปแล้ว Don’t Breathe 2 เป็นหนังระทึกขวัญที่ดูได้เพลิน ๆ “ลุงนอร์แมน” แม้จะโหดตามแบบฉบับ แต่ก็ไม่ดุเท่าภาคแรก พล็อตเรื่องพยายามหยิบยกเอาความเป็นพ่อ-แม่มาขยี้จนดูย้อนแย้ง ก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมนักวิจารณ์หนังทั้งในไทยและต่างประเทศ ถึงได้ให้คะแนนน้อยจนน่าตกใจ

                ไปต่อกันที่หนังไทย “ผู้บ่าวไทบ้านอีสานจ้วด” กันบ้าง นี่คือหนังอีสานสำหรับคนอีสานอย่างแท้จริง เพราะตลอดทั้งเรื่องถ่ายทำกันที่ภาคอีสาน มีทั้งในเมืองขอนแก่น ไปจนถึงหมู่บ้านแบบคนสมัยก่อนที่แทบจะไม่ต้องมีรั้วรอบขอบชิด วิถีชีวิตที่อยู่แบบพึ่งพาอาศัยกัน

                สำหรับส่วนของบทดราม่า บางครั้งอาจดูจงใจให้ตัวละครผิดหวังจนไม่สมจริงเท่าไหร่ แต่ โอบ นิธิ ก็สามารถทำให้คนดูเศร้าตามได้บ้าง แต่เราแทบจะไม่อินกับความรักของพระ-นางอย่าง โอบ กับ แอน อรดี สักเท่าไหร่ เพราะบทไม่ได้เน้นรายละเอียดความสัมพันธ์ของทั้งคู่ จนตัดจบความสัมพันธ์ไปแบบงง ๆ ว่าตกลงรักกันจริงหรือเปล่า?

                ขณะที่ในเรื่องของความคอมเมดี้ ต้องยกให้คุณยายทั้งสองเป็น MVP เนี่องจากออกมาแต่ละฉากนั้นเรียกเสียงหัวเราะได้แน่นอน บางฉากแค่เห็นหน้าสองคนนี้พร้อมกัน ก็ขำรอไปก่อนแล้ว

                ประเด็นที่น่าสนใจที่หนังพูดถึง คือการที่ลูกหลานปล่อยให้ผู้เฒ่าผู้แก่อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกันตามลำพัง เพราะคิดว่าการเดินทางไปหางานทำในเมืองหลวง แล้วส่งเงินมาให้ท่าน จะทำให้ชีวิตของท่านสุขสบาย แต่จริง ๆ แล้วพวกท่านแค่ต้องการให้ลูกหลานอยู่ข้าง ๆ ไม่ปล่อยให้ตัวเองเหงาอยู่บ้านคนเดียวก็เท่านั้นเอง

                รวม ๆ แล้วหนังเรื่องนี้มีความอบอุ่นจากวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ที่น่ารักของคนอีสาน จนทำให้ชาวอีสานทุกท่านต้องคิดถึงบ้านเกิด และอยากจะรีบกลับบ้านไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่อย่างแน่นอน.

บอย-เติร์ก