วันนี้ 2 ธ.ค. วันชาติของ สปป.ลาว วันที่รถไฟความเร็วสูงลาว-จีน ที่เชื่อมระหว่างเมืองหลวงเวียงจันทน์ขึ้นเหนือผ่านหลวงพระบาง หลวงน้ำทา บ่อเต็น ไปจนถึงเมืองคุนหมิงชายแดนยูนนานจีน ระยะทาง 417 กม. จะวิ่งเป็นทางการ ผ่าน 31 สถานี 76 อุโมงค์ และ 154 สะพาน เป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางสายไหมใหม่ที่จีนจะเชื่อมกับภูมิภาคนี้ทั้งหมด ที่จริงจะเริ่มจากไทยไปมาเลย์ สิงคโปร์ แต่ไทยยังไปไม่ถึงไหน เลยต้องเริ่มที่ลาวก่อน ในอนาคตจะเชื่อมถึงรัสเซียและยุโรปตอนกลาง

โครงการนี้ ลงทุน 6,800 ล้านดอลลาร์ หรือ 238,000 ล้านบาท จีนลงทุน 80% ลาวลง 20% เพราะจีนคือผู้ลงทุนรายใหญ่ของลาวอยู่แล้ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง จีนกลายเป็นชาติที่มีเส้นทางรถไฟฟ้ายาวที่สุดในโลกไปแล้ว อย่าว่าที่ลาววิ่ง 200 กม.ต่อชม. ที่จีนวิ่ง 450 กม.ต่อชม. ยังสบายมาก รบ.จีนท้าทายถึงขนาดเอาเหรียญวางตรงสันแล้ววิ่งให้ดูว่า เหรียญไม่ล้มมาแล้ว ทำเป็นเล่นไป นาทีนี้ระบบขนส่งมวลชนลาวจึงได้ก้าวกระโดดไปอีกขั้นแล้ว เพราะไม่ได้แค่ขนคน แต่ยังขนสินค้าได้มากถึง 3,000-4,000 ตันต่อเที่ยว เพิ่มทั้งรายได้ท่องเที่ยวและธุรกิจการค้า มีจุดขายที่สะพานข้ามทางรถไฟหยวนเจียงในยูนนานยาว 832.2 เมตร สูง 154 เมตร หรือเท่าตึก 54 ชั้น ที่ลาวเคลมว่าสูงสุดในโลก ใครจะเที่ยวคอนพะเพ็ง หลี่ผี วังเวียง ก็สะดวกไปหมด

อีกไม่นาน สปป.ลาวจะพลิกโฉม ไม่ใช่ชาติยากจนอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นชาติที่มีเศรษฐกิจและการเดินทางเชื่อมโยงกับภูมิภาคนี้

อย่างที่บอก ที่จริงเส้นทางนี้ควรเริ่มจากไทย โดย รบ.ยิ่งลักษณ์ ได้ลงมือทำโครงการ “ไทยแลนด์ 2020 พลิกโฉมอนาคตประเทศ” ออก “พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน” พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ในปี 2557-2563 ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าใน กทม. ท่าเรือ สนามบิน ถนน 4 เลน ฯลฯ ในแผนรถไฟความเร็วสูงจะวิ่งจาก กทม. ไป เชียงใหม่ นครราชสีมา หนองคาย ไปหัวหิน สงขลา (ปาดังเบซาร์) จากสุวรรณภูมิ ฉะเชิงเทรา พัทยา ระยอง เป็นต้น แม้จะผ่านสภาแต่กลับไปตกม้าตายที่ “ศาล รธน.” รมว.คมนาคมยุคนั้น ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พยายามอธิบายต่อศาลถึงประโยชน์และความจำเป็นในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายการขนส่ง กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและการค้า แต่ไม่รอด

หากจำได้ ตุลาการบางคนบอกว่า ไม่ต้องการให้ลูกหลานเป็นหนี้ไปอีก 50 ปี พีคสุด ๆ คือคำพูดที่ต้องจารึกใน ปวศ.อีกแสนนานคือ รถไฟความเร็วสูงยังไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย และเป็นไปได้ ควรให้ถนนลูกรัง หมดไปจากประเทศก่อน …..“รบ.อิปูว์” ถูกคนเหยียดหยามว่าโง่ ใครจะเอารถไฟความเร็วสูงไปขนผักผลไม้…ที่สุดศาล รธน. ก็มีมติเอกฉันท์ว่า ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านตราขึ้นโดยไม่ชอบด้วย รธน. ปิดฉากไทยแลนด์ 2020 พร้อมปิดฉาก รบ.อิปูว์

ย้อนไปก่อนหน้าที่โครงการนี้จะพบจุดจบ มีการจัด “นิทรรศการอย่างยิ่งใหญ่” ที่ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ แต่ละวันมีคนเป็นแสนแห่เข้าไปดูงานมหกรรมนี้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ ในมือคือกระดาษปากกา ทั้งจด ทั้งใช้มือถือถ่ายรูปข้อมูลตรงหน้า อยากรู้สุดคือรถไฟเร็วสูงแต่ละสายจะผ่านจังหวัดใด มีกี่สถานี ใหญ่เล็กแค่ไหน ที่ดินเพิ่มราคากี่เท่า สถานีแต่ละแห่งจะขายอะไรดี ร้านอาหาร ของที่ระลึก ลงโอทอปตัวไหน ไม่ผิดจากที่ “ชัชชาติ” บอกศาลว่า นี่จะเป็นการพลิกโฉมหน้าประเทศเหมือนที่ “ชินคันเซ็น” ได้สร้างความหวังความฝันให้คนญี่ปุ่นลุกขึ้นยืนได้หลังแพ้สงครามโลก ตอนนั้นใช้ 2 ล้านล้าน ปัจจุบัน 3 ล้านล้านยังไม่รู้จะเอาอยู่หรือไม่ ขณะที่ รบ.ทหาร 3 ป. มีแผนทำรถไฟความเร็วสูงไปหนองคายเสร็จในปี 2571 โน่น ทั้งที่ศาลรธน.ไม่ได้สั่งให้ทำถนนลูกรังให้เสร็จก่อนแต่อย่างไร นี่คือวิสัยทัศน์ของ รบ. 3 ป.

วันนี้คนไทยจึงได้แต่อิจฉาคนลาว แต่ก็ใช่ว่าคนไทยจะไม่มีความหวังหรอกนะ อย่างน้อยอีก 15-20 ล้านคน ก็มีหวังว่าจะได้ลงทะเบียนใช้ “บัตรคนจน” ในปีหน้าอย่างแน่นอน.

——————
ดาวประกายพรึก