หลายๆคนคงจะเคยได้ยินคำว่า “ไดชาร์จ” มาบ้าง แต่เคยรู้หรือไม่ว่าอันที่จริงแล้วคืออะไรกันแน่?

สำหรับ “ไดชาร์จ” หรือชื่อจริง “อัลเทอร์เนเตอร์” (Alternator) แปลว่า เครื่องปั่นไฟ เป็นอุปกรณ์ซึ่งทำหน้าที่เป็นผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในรถยนต์ โดยใช้กำลังเครื่องยนต์หมุนผ่านสายพาน มีคุณสมบัติในการผลิตพลังงานไฟฟ้าออกมาได้ดีในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ซึ่งเหมาะกับรถที่วิ่งอยู่ในเมืองเป็นอย่างดี

แต่ “ไดชาร์จ” มักถูกเข้าใจผิดว่าหน้าที่หลักคือชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่เท่านั้น แต่ความเป็นจริงนั้นหน้าที่หลักของไดชาร์จ ใหญ่หลวงกว่า คือเมื่อเครื่องยนต์ทำงานอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดในรถยนต์จะใช้ไฟจากไดชาร์จเป็นหลัก แต่ที่สามารถชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้ด้วย เพราะแรงดันไฟฟ้าที่ออกมาจากตัวไดชาร์จมีค่าสูงกว่า ที่แบตเตอรี่มีอยู่ จึงทำให้เกิดการไหลของแรงดันไฟฟ้าที่สูงกว่าไปยังแบตเตอรี่ ที่มีแรงดันไฟฟ้าไฟต่ำกว่า

หาก “ไดชาร์จเสีย” อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถต้องใช้ไฟจาก แบตเตอรี่เพียงลำพังโดยไม่มีการชาร์จไฟเข้า ส่งผลให้แบตเตอรี่ จะค่อย ๆ ไฟอ่อนลงเรื่อยๆ จนไม่เหลือพอสำหรับจ่ายในระบบและเครื่องยนต์ดับในที่สุด อย่างไรก็ตาม หากไดชาร์จเสีย หรือชาร์จไม่พอ จะมีไฟเตือน เป็นรูปแบตเตอรี่โชว์บนหน้าปัด ดังนั้นหากเมื่อใด รถของท่านมีไฟโชว์ดังกล่าวเกิดขึ้น ให้พยายามลดการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อให้เหลือไฟพอเลี้ยงระบบสำคัญต่าง ๆ ให้เครื่องยนต์ทำงานต่อไปได้ พร้อมกับรีบนำรถเข้าตรวจเช็ก

เทคนิคตรวจสุขภาพไดชาร์จด้วยตัวเอง
-ให้สตาร์ตเครื่องยนต์ ติดเครื่องเอาไว้ที่รอบเครื่องเดินเบา เปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ ทั้งหมด อาทิ แอร์ วิทยุ ไฟหน้ารถ ไฟตัดหมอก
-ใช้ “มัลติมิเตอร์ ปรับโหมดย่านการวัดไปที่ แรงดันไฟฟ้ากระแสตรง จากนั้นใช้ ปลายสายมัลติมิเตอร์ สีแดงต่อเข้ากับขั้วบวกแบตเตอรี่ ปลายสายสีดำต่อเข้าขั้วลบของแบตเตอรี่

ซึ่งโดยปกติแล้ว รอบเดินเบาแรงดันไฟฟ้าที่ไดชาร์จ ขณะเปิดโหลดจะอยู่ที่ 13.6 – 14.8 โวลต์ หากน้อยกว่า 13.2 โวลต์ แต่ยังไม่ถึงขั้นที่ไฟเตือนรูปแบตเตอรี่จะโชว์หรือโชว์เป็นครั้งคราวนาน ๆ ครั้ง จะส่งผลเสียให้แบตเตอรี่ ให้มีอายุสั้นลง ในทางตรงกันข้าม หากค่าแรงดันสูงมากเกินไปถึง 16 โวลต์ จะทำให้ระบบไฟในรถมีปัญหาโดยเฉพาะวงจรภายใน ECU อาจไหม้ หรือเสียหายได้

-สำหรับท่านที่ไม่มี “มัลติมิเตอร์” อาจใช้วิธีบ้าน ๆ โดยการสตาร์ตเครื่องยนต์ ติดเครื่องเอาไว้ที่รอบเครื่องเดินเบา เปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ ทั้งหมด อาทิ แอร์ วิทยุ ไฟหน้ารถ ไฟตัดหมอก จากนั้นเปิดฝากระโปรงถอดขั้วแบตเตอรี่ขั้วลบออก หากเครื่องยนต์ไม่ดับ แสดงว่าไดชาร์จยังทำงานอยู่ แต่การใช้วิธีดังกล่าวนี้ไม่สามารถบอกได้ว่า แรงดันไฟฟ้าจากไดชาร์จ มีค่าน้อยหรือมากไป