“อายุเป็นเพียงตัวเลข” นี่ก็เป็น “นิยามที่ดีที่สุด” สำหรับ “ชายวัย 65” คนนี้ ที่จังหวะชีวิตเปลี่ยนผ่านตามวัยจาก “พนักงานขับรถผู้บริหาร” เป็น “โชเฟอร์แท็กซี่” และในวันนี้ก็มาเป็น “เซียนโรลเลอร์สเกตวัยเก๋า” ด้วย ถึงขนาดที่ว่าวัยรุ่นวัยโจ๋ที่ได้เห็นลีลาของคุณลุงต้องทึ่ง-ต้องอึ้ง!! ซึ่งวันนี้ “ทีมวิถีชีวิต” ก็จะพาไปทำความรู้จักกับคุณลุงท่านนี้กัน…

’เราไปตรวจสุขภาพ และพบว่านอกจากตัวเลขของวัยที่เพิ่มขึ้น โรคประจำตัวเราก็เพิ่มขึ้นตามมาด้วย จนต้องหันมาออกกำลังกาย เพราะไม่อยากให้ร่างกายแย่ไปกว่านี้ ตอนแรกก็เริ่มจากวิ่ง ตามด้วยขี่จักรยาน แต่รู้สึกไม่ชอบ จนเดือนพฤศจิกายนปี 2563 ช่วงโควิดระบาดหนัก ๆ แฟนเราก็ไม่อยากให้เราออกไปขับรถแท็กซี่ กลัวเราจะติดเชื้อ เราก็เลยต้องอยู่บ้านยาว ๆ ไป เพราะไม่ได้ออกไปขับแท็กซี่ ก็ทำกับข้าว ทำความสะอาดบ้าน ซักผ้าวน ๆ ไป ทีนี้เวลามันเหลือเยอะ พอเสร็จงานบ้านแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร ออกไปวิ่งก็ไม่ชอบ ขี่จักรยานก็เบื่อ นึกขึ้นได้ว่าตอนเด็ก ๆ เราเคยเล่นโรลเลอร์สเกต สมัยนั้นจะไปเล่นที่ลานสเกตชื่อโคลีเซียม ก็เลยคิดจะปัดฝุ่น ก็เลยออกไปหาซื้อรองเท้าโรลเลอร์สเกตมาเล่น ลองเล่นไปเล่นมา ความรู้สึกสนุกในวัยเด็ก ๆ มันก็กลับมา และตั้งแต่นั้นมาเราก็เลยเล่นกีฬาชนิดนี้มาเรื่อย ๆ“ …เป็น “จุดเริ่มต้น” ที่ทำให้ “ปรีชา ชูนาม” หรือ “ลุงตึ๋ง” วัย 65 ปี หันมาเล่นกีฬาชนิดนี้ ที่ช่วงแรกนั้นมีเป้าหมายแค่ต้องการหากิจกรรมเพื่อออกกำลังกาย และฆ่าเวลายามต้องว่างเพราะโควิด ก่อนจะกลายเป็น “คนดังลานสเกต” ในวันนี้

สำหรับ “เส้นทางชีวิต” ของ “เซียนโรลเลอร์สเกตวัยเก๋า” คนนี้นั้น ลุงตึ๋งเล่าว่า พื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯ เริ่มทำงานในตำแหน่งพนักงานขับรถส่งของ แต่ด้วยความที่พูดภาษาอังกฤษได้ จึงได้รับการว่าจ้างเป็นการส่วนตัวให้ขับรถที่สถานทูตญี่ปุ่นและสถานทูตอเมริกา จากนั้นก็ได้มาขับรถให้ผู้บริหารบริษัทผลิตรถยนต์และบริษัทผลิตน้ำมัน จนเมื่อเกษียณอายุ ลุงตึ๋งจึงออกรถแท็กซี่มาคันหนึ่งเพื่อขับหารายได้ต่อ ส่วน “ชีวิตครอบครัว” นั้น ลุงตึ๋งแต่งงานอยู่กินกับภรรยาชื่อ “นก-กนกวรรณ” อายุ 42 ปี ทำงานเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง โดยลุงตึ๋งเล่าให้ฟังว่า ภรรยาเป็นหลานสาวของเพื่อน และได้เจอกันตั้งแต่ภรรยายังเด็ก ๆ เมื่อครั้งที่ลุงตึ๋งไปเที่ยวบ้านของเพื่อนคนนี้ที่ จ.พัทลุง จนเมื่อผ่านไปหลายปี เพื่อนคนนี้ก็โทรศัพท์มาบอกว่าหลานสาวเรียนจบแล้ว แต่ที่บ้านไม่มีงานทำ จึงอยากฝากให้มาหางานทำที่กรุงเทพฯ ลุงตึ๋งก็รับปากว่าจะช่วยดูแลหาที่พักให้

’ตอนนั้นเราให้นกมาพักที่บ้านของเรา เราก็จะคอยแนะนำเขา ขึ้นรถเมล์ยังไง รถเมล์สายไหนไปไหนบ้าง คือดูแลเหมือนเราเป็นผู้ปกครองของเขาคนหนึ่ง เพราะเขาไม่ค่อยรู้จักใคร หรือเวลาเขาไปทำงาน ถ้าเราว่างก็จะขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับส่งให้ พอถึงวันหยุดเราก็จะพาซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวต่างจังหวัด ซึ่งเขาก็ชอบกิน ชอบเที่ยว ชอบตั้งแคมป์ คือเหมือนเราทั้งคู่มีไลฟ์สไตล์ตรงกัน ซึ่งก็อาจเพราะความใกล้ชิดตรงนี้ ก็เลยผูกพันกัน จนตัดสินใจคบกัน ซึ่งเราก็โทรศัพท์ไปแจ้งเพื่อนก่อน เพื่อนก็แจ้งพ่อแม่เขาให้อีกที ซึ่งจริง ๆ ตอนนั้นไม่กล้าคิดเลยนะว่าจะคบกับเขา เพราะเราอายุเยอะ แต่เราเองก็ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีครอบครัวมาก่อน ซึ่งทางพ่อแม่เขาก็ไม่ว่าอะไร แต่เพื่อนก็มีแซว ๆ ว่าเหมือนฝากปลาย่างไว้กับแมว (หัวเราะ)… ถึงแม้วัยจะต่างกัน เราก็ไม่เคยทะเลาะกันเลย เข้าใจกันดี ซึ่งเราไม่มีลูก จึงวางแผนอนาคตกันไว้ว่าบั้นปลายชีวิตอาจจะย้ายไปอยู่ที่พัทลุงบ้านเขา เพราะแฟนก็อยากกลับไปอยู่บ้าน เนื่องจากมีสวนยางสวนปาล์มที่พ่อแม่ยกให้ แต่แฟนเราก็ขอเวลาอีกสักพักถึงจะกลับไป“ …ลุงตึ๋งเล่า

ส่วน “เส้นทางเซียนโรลเลอร์สเกต” นั้นลุงตึ๋งเล่าขยายความว่า เริ่มต้นในช่วงโควิดระบาดประมาณเดือน พ.ย. 2563 ทำให้ไม่ได้ออกไปวิ่งรถแท็กซี่ เพราะภรรยาไม่อยากให้ไป กลัวจะติดเชื้อ แล้วอาการจะหนัก เพราะอายุมากแล้ว ทำให้ลุงตึ๋งตัดสินใจพักอาชีพขับรถแท็กซี่ไว้ชั่วคราว แต่ด้วยความที่ต้องอยู่บ้านนาน ๆ ประกอบกับวัยที่มากขึ้น ทำให้พอไปเข้ารับการตรวจสุขภาพ ปรากฏไขมันก็สูง ความดันก็เพิ่มขึ้น จนคุณหมอแนะนำว่าให้หาเวลาออกกำลังกายบ้าง ซึ่งตอนนั้นลุงตึ๋งก็เริ่มหันมาวิ่งและขี่จักรยาน แต่ทำไปได้สักพักก็รู้สึกเบื่อ จึงคิดถึงกีฬาโรลเลอร์สเกตที่ตอนเด็กลุงตึ๋งชอบเล่นมาก จนออกไปหาซื้อรองเท้าโรลเลอร์สเกตมารื้อฟื้นการเล่นใหม่ จนติดใจ และหันมาเล่นกีฬาทรงตัวบนล้อนี้จริงจังอีกครั้งในวัยสูงอายุ โดยลุงตึ๋งยังเล่าให้ฟังอีกว่า จะชอบไปเล่นในช่วงเช้า เพราะคนน้อย เด็กวัยรุ่นน้อย ทำให้ไม่ต้องกลัวหรือระแวงมากว่าจะถูกใครวิ่งมาชนหรือมากระแทกล้ม โดยทุก ๆ ช่วงเช้า หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจส่งแฟนเข้าออฟฟิศแล้ว ลุงตึ๋งก็จะขับรถตรงดิ่งไปยังสนามเล่นสเกตทันที 

’วันแรกนี่เหมือนเริ่มนับหนึ่งใหม่เลยก็ว่าได้ เพราะที่เคยเล่นได้ในตอนเด็ก มันก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะเราอายุเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อที่ดีหายไปหมดแล้ว แต่เราก็ยังจำหลักวิธีเล่น ยังจำวิธีการเล่นได้ ก็ค่อย ๆ เริ่มฝึก จนตอนนี้กล้ามเนื้อดีขึ้น การทรงตัวดีขึ้นมากจากเดิมแล้ว พอเล่นโรลเลอร์สเกตมาได้ 1 ปี ก็ไปตรวจสุขภาพประจำปี ปรากฏคุณหมอชมเรายกใหญ่ ผลเลือดดีมาก รวมทั้งไขมัน ทั้งความดัน ทำให้คุณหมอปรับสูตรยาที่เคยต้องกินทุกวัน เหลือเป็นวันเว้นวัน จนมาถึงตอนนี้เราไม่ต้องกินยาแล้ว“ …เป็นพัฒนาการสุขภาพที่เกิดขึ้นของลุงตึ๋ง หลังหันกลับมาเล่นกีฬาชนิดนี้

“รองเท้าโรลเลอร์สเกตคู่ใจลุงตึ๋ง” ที่ใช้งานเป็นประจำนั้น ก็มีหลายคนทักถามกับลุงตึ๋งเยอะมากว่าหาซื้อมาจากที่ไหน เพราะดูแปลกตา ไม่เหมือนรองเท้าโรลเลอร์สเกตที่จำหน่ายตามร้านทั่วไป ซึ่งลุงตึ๋งจะยิ้มอย่างภูมิใจ ก่อนจะเฉลยว่า รองเท้าคู่นี้ ลุงตึ๋งได้ดีไซน์และทำขึ้นมาเอง หรือศัพท์วัยรุ่นเรียกว่าการคัสตอมรองเท้า เพื่อให้เป็นรองเท้าเล่นโรลเลอร์สเกตในแบบเฉพาะของตัวเอง โดยลุงตึ๋งเล่าถึงเหตุผลที่ต้องคัสตอมรองเท้าเองว่า เนื่องจากรองเท้าที่เคยซื้อมาเป็นหนังพียู ที่พอใช้ไปไม่นาน หนังรองเท้ามักจะกรอบ มักจะหลุดล่อน จึงเข้าไปดูวิธีทำรองเท้าโรลเลอร์สเกตด้วยตัวเองในยูทูบ แล้วมาถอดแบบลองทำตามดู… ’เราก็ไปหาซื้อรองเท้าโรลเลอร์สเกตที่เก่าเก็บค้างสต๊อกมาคู่หนึ่ง ราคาราว 350 บาทเท่านั้นเอง ก็แกะเอาตัวล้อและฐานล้อเดิมมาใช้ จากนั้นจึงไปจ้างให้เขาตัดแผ่นเหล็กมาใหม่ เพื่อใช้ทำเป็นพื้นรองเท้า ส่วนนอตก็หาซื้อตามร้านอุปกรณ์ก่อสร้างแล้วเอามาประกอบขึ้นมาเป็นรองเท้าโรลเลอร์สเกตของตัวเอง“ …เป็นที่มาของ “รองเท้าโรลเลอร์สเกตคู่ใจ” คู่นี้

นอกจากนั้น ลุงตึ๋งยังพูดถึง “กีฬาโรลเลอร์สเกต” ที่เป็นอีกหนึ่งชนิดของ “กีฬาเอ็กซ์ตรีม” นี้ว่าเป็นชนิดกีฬาที่ส่วนใหญ่จะเห็นแต่กลุ่มวัยรุ่นมากกว่าที่จะนิยมเล่น เนื่องจากกีฬาชนิดนี้ค่อนข้างอันตรายพอสมควรกับผู้สูงอายุ เช่น ถ้าล้มนิดหน่อยก็อาจกระดูกหักได้เลย ไม่เหมือนกับวัยรุ่นที่ร่างกายยังดีอยู่ ดังนั้น กฎที่ต้องมีคือ ’รักตัวเองให้เยอะ-เซฟตัวเองให้มาก“

’ถ้ารักที่จะเล่น ก็ต้องรู้จักเซฟตัวเองให้เยอะ ๆ (หัวเราะ) โดยเฉพาะช่วงเริ่มกลับมาลองเล่นใหม่ ๆ อย่างเรา ที่ช่วงแรก ๆ นี่จะมีอุปกรณ์เซฟตี้เยอะมาก แต่เดี๋ยวนี้พออยู่ตัวแล้ว ชำนาญมากแล้ว ก็จะเหลือใส่แค่สนับเข่าอย่างเดียว ส่วนเทคนิคการเล่นนั้นก็จะอาศัยดูในยูทูบ แล้วนำมาปรับให้เป็นสไตล์ของเรา คือเราจะไม่เน้นท่าหวือหวา เพราะจุดประสงค์หลักของเราคือเล่นเพื่อสุขภาพ ไม่ได้เล่นผาดโผน หรือเล่นไปแข่งขันกับใคร เพราะต้องอย่าลืมว่า รุ่นเราอะไหล่หายากแล้วนะ“ …ลุงตึ๋งบอกเราเรื่องนี้พร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดี

อย่างไรก็ตาม แม้ลุงตึ๋งจะเล่นคนเดียว เพราะไม่อยากไปเกะกะผู้เล่นวัยรุ่นในสนาม แต่ลีลาในการเล่นโรลเลอร์สเกตของลุงตึ๋งก็เป็นที่โจษจัน จนถึงขนาดมีคนมาขอร้องให้ช่วยเป็นโค้ชให้ โดยเรื่องนี้ลุงตึ๋งหัวเราะ ก่อนจะเล่าว่า… ’มีคนมาขอให้ช่วยสอนการเล่นโรลเลอร์สเกตให้หน่อย เริ่มจากกลุ่มแรกที่เป็นผู้หญิง 5 คน อายุอานามก็เป็นวัยรุ่นถึงวัยทำงาน อายุช่วง 25-30 ปี ซึ่งกลุ่มนี้เขาก็เล่นอยู่ที่สนามเดียวกันกับที่เราเล่นอยู่ เขาก็มาขอว่าอยากให้ลุงตึ๋งช่วยสอนให้หน่อยค่ะ เราก็ออกตัวไปว่า เราไม่ได้เล่นเก่งอะไรนะ วิธีเล่น เทคนิคต่าง ๆ เราก็ศึกษาเอาจากยูทูบ แต่เขาก็ยังอยากให้เราช่วยสอน เราก็เลยตกลงรับปากสอนให้ ส่วนใหญ่ก็จะสอนเทคนิคพื้นฐานให้ อาศัยใช้ประสบการณ์ของตัวเองถ่ายทอดไป ส่วนที่เหลือเขาก็เอาไปต่อยอดกันเอง ซึ่งพอสอนไปสักพัก เขาก็กลับมาเล่นให้เราดู ปรากฏโอ้โหทุกคนเล่นได้ดีมากเลย เราก็ยิ่งภูมิใจว่าทักษะประสบการณ์ของเรามีประโยชน์ที่ช่วยให้เขาเล่นได้ดีขึ้น เล่นได้เก่งขึ้น“

ลุงตึ๋งยังพูดถึง “เทรนด์โรลเลอร์สเกต” ว่า ตอนนี้ดูเหมือนว่ากีฬาชนิดนี้กำลังจะกลับมาฮิตอีกครั้ง หลังจากมีกลุ่มผู้หญิงวัยทำงานหันมาเล่นกีฬาโรลเลอร์สเกตเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสำหรับลุงตึ๋งแล้ว เขามองว่า กีฬาชนิดนี้น่าจะกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งอย่างแน่นอน และส่วนตัวลุงตึ๋งเอง ถ้าถามว่าจะเล่นโรลเลอร์สเกตนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ลุงตึ๋งบอกว่า คงเล่นไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเล่นไม่ไหว และถ้าอายุเยอะขึ้นก็คงจะต้องค่อย ๆ ปรับมาเล่นท่าที่ไม่ยากมาก ที่ไม่เสี่ยงมาก เพื่อเซฟร่างกายตัวเอง

ทั้งนี้ นอกจากลวดลายลีลาแล้ว “เซียนโรลเลอร์สเกตวัยเก๋า” คนนี้ยังมีความเป็น “จิตอาสา” ที่ก็ทำให้หลายคนอดที่จะชื่นชมไม่ได้ โดยทุก ๆ วันที่ออกไปเล่นนั้น นอกจากลุงตึ๋งจะต้องสวมเสื้อแขนยาว เพื่อใช้แขนเสื้อปาดเช็ดเหงื่อ และในกระเป๋าที่สะพายไปสนามเล่นสเกตก็จะบรรจุไปด้วยนมกล่อง, ขนมปัง, น้ำขวด, รองเท้าสเกต, เก้าอี้สนามไว้นั่ง ก็ยังมีอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ “ไม้กวาด” สำหรับไว้ใช้ทำความสะอาดลานสนาม หากมีขยะหรืออะไรที่อาจทำให้ล้อสเกตของผู้เล่นสะดุด และเมื่อเล่นเสร็จแล้ว ลุงตึ๋งก็จะกวาดสนามอีกรอบเพื่อให้สนามดูสะอาดสะอ้านน่าเล่น เพื่อให้คนอื่น ๆ ที่มาใช้ลานสเกตเล่นได้สะดวกปลอดภัย

ก่อนจะลากัน “ลุงตึ๋ง-ปรีชา ชูนาม” ดีกรี “เซียนโรลเลอร์สเกตวัยเก๋า” บอก “ทีมวิถีชีวิต” ว่า สิ่งที่ได้รับจากการออกกำลังกายคือสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้น และอีกเรื่องก็คือหัวใจที่สดชื่น ซึ่งตั้งแต่กลับมาเล่นกีฬาชนิดนี้ ลุงตึ๋งบอกว่ารู้สึกว่าจิตใจกระชุ่ม กระชวยเหมือนกลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง เวลาที่เล่นโรลเลอร์สเกตนั้นในหัวสมองแทบไม่ได้คิดเรื่องอะไร ทำให้สมองปลอดโปร่ง… ’ที่เขาพูดกันว่า…กีฬา ๆ เป็นยาวิเศษ ผมว่าเรื่องจริงเลยนะ และเวลาที่ร่างกายเราเคลื่อนไปบนโรลเลอร์สเกตนั้น มันทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นอิสระจากทุกสิ่ง เหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากความทุกข์ทั้งปวง ที่สำคัญ…นับตั้งแต่ได้มาเล่นโรลเลอร์สเกต ได้มาเล่นกีฬาชนิดนี้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ…ผมรู้สึกว่า…

ผมได้กลับมาเป็นหนุ่มอีกครั้ง!!“.