ดาหน้า “ขยับขึ้น” รับปีใหม่ 2565 และมีแนวโน้มจะต่อเนื่องไปจนถึงข้ามผ่านเทศกาลตรุษจีนกันเลยทีเดียว?!?!? สำหรับ “ราคาสินค้าในไทยในปี 2565” โดยราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้นนี้…ก็ต้อง “วัดฝีมือรัฐบาลลุงตู่ ต้องรอดูกันว่า…จะสามารถบรรเทาผลกระทบได้มากน้อยแค่ไหน?? ขณะที่ “เรื่องปากท้อง” นั้นมีความ “สำคัญกับคะแนนนิยมรัฐบาล” มาทุกยุคทุกสมัย อย่างไรก็ตาม กับ “ชีวิตคนไทยภายใต้ “ยุคข้าวยากหมากแพง” เช่นนี้ นี่ก็ทำให้…

คนไทยต่างก็จำเป็นต้องปัดฝุ่น “คาถาสู้ของแพง!!

ปัดฝุ่นนำมา “ใช้เสริมคาถาชีวิตยุควิกฤติโรคระบาด

ทั้งกับคนทั่ว ๆ ไป…และ “รวมถึงกับคนค้าขายด้วย

ทั้งนี้ กับคนทำมาค้าขายนั้น ทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ได้ลองสอบถาม-รับฟัง “เสียงสะท้อน” จากบรรดา “กลุ่มคนค้าขายระดับรากหญ้า” ว่า… แต่ละคนได้ “งัดคาถาใดมาสู้วิกฤติของแพง??” ครั้งนี้ โดย โบว์-นีชรา วงศ์สกุล อายุ 30 ปี เจ้าของร้านหอยทอดพันทิพย์งามวงศ์วาน สะท้อนกับ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ว่า… ตอนนี้ทุกอย่างแพงหมด ลูกค้าของทางร้านแทบทุกคนก็มาบ่นให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของแพง…แถมยังมีการถามทางร้านอีกด้วยว่า… “ร้านจะรอดมั้ยถ้าไม่ขึ้นราคา??

“ยอมรับว่าเราก็ยังไม่รู้ว่าจะยึดราคาเดิมแบบนี้ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน เนื่องจากวัตถุดิบขึ้นราคากันถ้วนหน้า ซึ่งถ้าขึ้นราคาตามวัตถุดิบที่แพงขึ้น ร้านก็จะแบกรับภาระน้อยลงอีกนิด แต่ก็จะกระทบลูกค้า ทำให้เราตัดสินใจยังไม่ขึ้นราคา เพราะถ้าขึ้นตอนนี้ ลูกค้าก็จะลดลงฮวบฮาบอย่างแน่นอน” …คนขายอาหารรายนี้ระบุ

พร้อมเล่าถึง “ต้นทุนที่พุ่งขึ้น” ว่า… อย่าง น้ำมันปาล์ม ที่ใช้ทำหอยทอดนั้น จากเดิมราคาขายอยู่ที่ลิตรละ 40-42 บาท แต่ตอนนี้ขึ้นไปเป็นลิตรละ 60 บาทแล้ว ส่วน ไข่ไก่ ปกติที่ร้านจะเลือกใช้เบอร์ 0 ซึ่งเดิมราคาอยู่ที่แผงละไม่เกิน 100 บาท ก็แพงขึ้นเป็น 120 บาท จนทำให้ทางร้านจำต้องงัด “คาถาปรับตัว” มาใช้ ด้วยการ ลดขนาดไข่ลง ด้วยการเลือกใช้ไข่ไก่เบอร์ 2 ทดแทนไข่เบอร์ที่ใช้อยู่เดิม เพื่อที่จะ ควบคุมต้นทุน และเพื่อที่จะไม่ให้กระทบกับลูกค้า…ลูกค้าไม่ต้องจ่ายเพิ่ม

“ยุคข้าวยากหมากแพง” ก็ยิ่งต้องห่วงปัญหาลูกค้าลด!!

“ปกติที่ร้านต้องใช้ไข่ไก่และต้องใช้น้ำมันปาล์มเยอะ ซึ่งการที่เราตัดสินใจว่าจะยังไม่ขึ้นราคาหอยทอดตอนนี้เพราะเราห่วงลูกค้า แต่เราก็ต้องแบกรับภาระหนัก ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเราจะตรึงราคาแบบนี้ไปได้นานแค่ไหน? แต่ถ้าต้องขึ้นราคาจริง ๆ เราก็หวังว่าลูกค้าคงจะเข้าใจ…เจ้าของร้านหอยทอดบอกเล่าด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ

ขณะที่ ตี๋สรศักดิ์ อายุ 55 ปี พ่อค้าไก่ทอด-หมูทอดเสียบไม้ ก็สะท้อนว่า… ตนกับภรรยาขายไก่ทอดและหมูทอดเสียบไม้ โดยตระเวนขายตามตลาดนัด และจากที่ยึดอาชีพนี้มานานกว่า 10 ปี เขาบอกว่า… เขาไม่เคยขึ้นราคาขายเลย เคยขายวันแรกที่ 10 บาท ก็ขายราคานี้มาตลอด เพียงแต่ถ้าเจอกับช่วงของแพง-วัตถุดิบแพง ก็จะใช้วิธี ขอไม่แถมเพิ่มให้ลูกค้า ซึ่งปกติถ้าหากลูกค้าซื้อ 15 ไม้
ก็จะแถมเพิ่มให้ลูกค้าไปอีก 1 ไม้ แต่มาตอนนี้คงจะแถมให้ลูกค้าไม่ได้แล้ว เพราะพวกหมู ไก่ น้ำมันปาล์ม หรือแม้แต่แก๊ส ต่างก็ขึ้นราคา ซ้ำยังเป็นในแบบที่เรียกว่า… “พร้อมใจกันขึ้นราคาแบบแทบจะยกแผง!!

ไม่ใช่แค่คนนะที่กระทบจากของแพง สัตว์เลี้ยงก็พลอยฟ้าพลอยฝนโดนด้วย อย่างลูกค้าประจำบางรายมาเล่าให้ฟังว่าปกติจะซื้อไก่ทอดเอาไปคลุกข้าวให้น้องหมาที่บ้านกิน ตกแล้วน้องหมา 1 ตัวจะกินไก่ 3-4 ไม้ แต่ตอนนี้ยุคของแพง ลูกค้าก็พลอยลดการซื้อไก่เราด้วย ส่วนเราเองจะขึ้นราคามั้ย? ถ้าราคาวัตถุดิบไม่ลง ก็อาจจะขึ้น อาจจะจาก 10 เป็น 12 บาท ไม่มากกว่านี้ เอาแค่เราอยู่รอด ลูกค้าก็อยู่รอด ก็พอใจแล้ว …พ่อค้าระดับรากหญ้าระบุ

ด้าน จำเนียร ดวงเพียร อายุ 45 ปี แม่ค้าขายข้าวกล่อง รายนี้สะท้อนกับ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ว่า… ยึดอาชีพทำข้าวกล่องราคาประหยัด 25 บาท ขายมานานกว่า 7 ปีแล้ว ซึ่ง… “ขอบอกเลยว่าไม่เคยเจอยุคใดที่สินค้าดาหน้าขึ้นราคาแบบแทบจะพร้อม ๆ กัน แทบจะทุกชนิด แบบในยุคนี้มาก่อนเลยจนทำให้เธอเห็นภาพชัดเจนเลยว่า…

“ยุคข้าวยากหมากแพงที่คนโบราณพูดไว้…เป็นยังไง?

แม่ค้าข้าวกล่องรายนี้เล่าให้ฟังว่า… ทำข้าวกล่องขายช่วงเช้า โดยเมนูที่ทำขายจะเป็นพวกข้าวกะเพรา ข้าวผัด ข้าวหมูทอด-ไก่ทอด ข้าวราดผัดผัก ผัดซีอิ๊ว โดยถ้าลูกค้าอยากได้ไข่ด้วยก็จะจ่ายเพิ่มอีก 5 บาท ซึ่งข้าวกล่องที่ขายจะเน้นให้ข้าวเยอะ ๆ เพื่อที่ลูกค้าจะได้กินอิ่ม และจะมีน้ำปลาพริกหรือน้ำจิ้มแจ่วให้ลูกค้าด้วย ซึ่งปกติข้าวกล่องที่ทำขายจะเน้นกำไรต่อกล่องน้อย อาศัยว่าขายได้หมดวันต่อวัน โดยลูกค้าส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นผู้ใช้แรงงาน หรือพนักงานที่เงินเดือนน้อย ซึ่งด้วยความที่ติดป้ายราคาขายไว้ชัดเจน จึงไม่มีลูกค้าถามเรื่องราคาก่อนสั่ง จะมีก็แต่ที่ถามแม่ค้าว่า… “ไม่ขึ้นราคาจะอยู่ได้หรือ??

“กลายเป็นลูกค้าเห็นใจเราที่ไม่ขึ้นราคา แต่เราคิดแล้วว่าถ้าเราขึ้นราคา ลูกค้าเราที่มีรายได้น้อยอยู่แล้วก็จะกระทบ และถ้าลูกค้าหาย ไม่ค่อยมีลูกค้า ก็มีแต่จะพากันอดตาย จึงพยายามยึดราคาเดิมไว้ ส่วนคาถาสู้ของแพงมีมั้ยน่ะหรือ?? บอกเลยว่ามีแต่ต้องกัดฟันสู้อย่างเดียว” …เป็นเสียงจากแม่ค้าข้าวกล่องรายนี้ ที่บอกชัดเจนว่า…

“คาถาสู้ยุคข้าวยากหมากแพง“…คือต้อง “กัดฟันสู้!!

คือ…“อัตตา หิ อัตตโน นาโถตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

“ระหว่างลุ้นฝีมือรัฐบาล??“…ที่ก็กำลังร้าวระส่ำ??.