ธรรมชาติของคนทั่วไป ใคร ๆ ก็ชื่นชอบรักความสวยความงาม อยากเป็นคนที่มีหน้าตาที่หล่อเหลาและสวยงามเป็นธรรมดา โดยเฉพาะกับ “ผู้หญิง” แล้ว เรื่องความสวยความงามต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง

“น้องโอปอล” สุชาตา ช่วงศรี สาวน้อยจากเมืองปักษ์ใต้คนนี้ก็เช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสาวน้อยที่มีเสน่ห์ในตัวอย่างมาก นอกจากจะมีหน้าตาคมขำที่สวยเด่นเป็นสง่าแล้ว เรื่องของความสามารถ ความคิดความอ่านก็ถือว่าฉลาดหลักแหลม ไม่แพ้ผู้ใหญ่เลยทีเดียว

ฉบับนี้ “ดาวต่างมุม” จะพาไปรู้จักกับ “น้องโอปอล” หนึ่งในสาวงามที่เพิ่งผ่านเวทีการประกวดสาวงามรัตนโกสินทร์ ไปเจาะลึกบางแง่มุมของชีวิต รวมทั้งความใฝ่ฝันของสาวน้อยวัย 18 ปี กันว่าเธอมีความเป็นมาอย่างไร

ปูมหลังของน้องโอปอล

“หนูเป็นคนภูเก็ตค่ะ ตอนนี้อายุ 18 ปี กำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคภาษาจีน พอสอบติดที่เตรียมอุดมฯ หนูก็ย้ายมาเรียนที่นี่ มีคุณแม่ตามมาดูแล หนูเป็นลูกคนเดียว ส่วนคุณพ่อเลี้ยงแมวอยู่ที่บ้านค่ะ มีแมวประมาณ 10 ตัว เป็นพันธุ์เปอร์เซียค่ะ ที่บ้านทำธุรกิจส่วนตัว คุณพ่อทำธุรกิจโรงแรมชื่อโฮมเพลส โฮเตล อยู่ใจกลางเมืองเก่าแถว ๆ ถลาง สมัยหนุ่ม ๆ พ่อก็เปิดร้านอาหารด้วยค่ะ”

“สุชาตา” ชื่อนี้ใครตั้งชื่อให้

“พระตั้งให้ค่ะ หนูเองก็ไปหาเสิร์ชความหมายไม่เจอนะคะ แต่หนูชอบชื่อนี้มากค่ะ”

จุดเริ่มต้นสู่เวทีการประกวด

“หนูเป็นนักกิจกรรม ทำกิจกรรมกับโรงเรียนมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถมและมัธยมตอนต้น ที่โรงเรียนขจรเกียรติ ในภูเก็ต ถือว่าเป็นขาประจำของการถือป้ายโรงเรียนเลยก็ว่าได้ ส่วนดรัมเมเยอร์ หนูมาเป็นตอนเรียนชั้น ม.4 ค่ะ”

เข้าวงการประกวดนางงาม

“ต้องย้อนไปตั้งแต่สมัยตอนเด็กค่ะ เริ่มจากเดินแบบมาก่อน คือหนูเป็นคนตัวสูงมากกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ เลยไม่มีความมั่นใจ เพราะมองว่าเป็นจุดด้อย เลยต้องพยายามเดินหลังค่อม ๆ ทำตัวเล็ก ๆ เข้าไว้ เพื่อที่เราจะได้เข้ากับกลุ่มเพื่อนได้ ซึ่งทำให้บุคลิกภาพเราดูไม่ดี คุณแม่ก็เลยส่งไปเรียนการเดินแบบ เพื่อปรับบุคลิกภาพ ทำให้เราดูดีขึ้น ส่วนการเดินแบบการถ่ายแบบอย่างจริง ๆ จัง ๆ ก็ตอนมาเจอกับผู้จัดการส่วนตัวคนปัจจุบันค่ะ ตอนนี้หนูเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ทางผู้จัดการจะให้ความสำคัญกับการเรียนมากค่ะ ส่วนเวทีแรกที่ประกวดก็คือนางงามรัตนโกสินทร์เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนค่ะ”

เวทีแรกเป็นอย่างไร

“หนูว่ามันเป็นความภาคภูมิใจค่ะ รู้สึกว่าเราทำเต็มที่มาก ๆ แม้จะไม่ได้ที่ 1 แต่หนูได้ประสบการณ์ที่ล้ำค่า หนูอายุ 18 ปี หนูคิดว่ายังเด็กมาก คิดว่าเป็นการทำงานด้วยอายุยังน้อย เพราะปกติคนเราจะเริ่มทำงานตอนจบปริญญาตรี เวทีแรกหนูมองว่าเป็นโอกาสที่เราจะได้สั่งสมประสบการณ์ได้เร็ว การประกวดครั้งแรก หนูได้เรียนรู้จากพี่ ๆ ที่เข้าประกวด เราจะคอยดูว่าพี่ ๆ ทำยังไงถึงได้โดดเด่นสวยและเป็นสง่า หนูก็จะพยายามเรียนรู้เพื่อนำมาเป็นประสบการณ์ หนูอยากได้โอกาสมากกว่านี้ค่ะ และจะเดินสายนี้ต่อไป เพื่อหาโอกาสให้กับตัวเองเพิ่มมากขึ้นด้วยค่ะ”

ความฝันตอนเป็นเด็ก

“ขอใช้คำว่าอยากทดลองทำมากกว่า ตอนเด็กหนูอยากเข้าร่วมการประกวดมิสยูนิเวอร์ซิตี้ค่ะ เรามองว่าเวทีนี้จะเปิดโอกาสให้เรา หนูไม่ได้มองเรื่องความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่มองเรื่องความสามารถ ความคิด ความฉลาด เป็นคนที่ชอบดูอะไรไปเรื่อย ๆ แล้วอยากไปอยู่ตรงนั้น จุดที่มีคนเฝ้าติดตาม ถ้ามีเวลาว่างทุกเวทีประกวดหนูจะติดตามตลอด หนูชอบดูคำถาม ชอบการเดินของเหล่านางงามหนูอยากเป็นคนเก่งแบบพี่ ๆ ที่มีความสวย มีความคิดที่ดีและฉลาด ก็ถือเป็นช่องทางการเรียนรู้ของตัวเองไปด้วยค่ะ”

ตอบคำถามเวทีแรกยังไง

“เขาถามว่าด้วยความที่ยังเด็กมากหนูจะสามารถเผยแพร่วัฒนธรรมไทย ในการสวมใส่ชุดไทยและเชิญชวนเพื่อน ๆ มาใส่ชุดไทยอย่างไร? ซึ่งหนูก็ตอบว่าเราต้องทำให้เราสวยที่สุด ทำให้เพื่อน ๆ ที่เห็นเกิดความประทับใจและชื่นชมเรามากที่สุด เพื่อที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้เขามาสวมใส่ชุดไทยเหมือนเราค่ะ หนูคิดว่าเมื่อมีคนชื่นชมเราก็คงจะทำให้เราอยากสวมใส่ชุดไทยค่ะ”

อะไรที่ทำให้ตัวเองภูมิใจที่สุด

“ก็คงเป็นเรื่องการสอบติดที่เตรียมอุดมศึกษา ได้มาเรียนที่กรุงเทพฯ ค่ะ หนูรู้สึกว่ามันเป็นความภาคภูมิใจที่มีอยู่ตลอดเวลา มีทุกวัน เพราะตั้งแต่ที่ย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ หนูคิดว่าหนูโตขึ้นเยอะมาก ได้เจอสังคมที่ใหญ่ขึ้น เจอคนเยอะขึ้น เราได้ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ทำอะไรด้วยตัวเองทุกอย่าง หนูมองว่าการย้ายมาที่นี่ทำให้หนูมีความภาคภูมิใจและได้ทำสิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลาค่ะ”

สิ่งที่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจที่สุด

“ก็คงจะเป็นเรื่องการสอบติดที่โรงเรียนเตรียมอุดมฯ นี่ละค่ะ เพราะตอนผลสอบออกมาตอนแรก หนูหาชื่อตัวเองไม่เจอ ก็ร้องไห้เลย หนูไม่ได้ร้องไห้เพราะเสียใจนะคะ แต่หนูกลัวคุณแม่เสียใจและผิดหวังมากกว่า เพราะคุณแม่คาดหวังว่าถ้าเราได้มาเรียนที่นี่จะมีผลดีต่ออนาคตเรายังไงค่ะ”

เป็นนางงามชอบส่วนไหนของตัวเองมากที่สุด

“ก็คงเป็นเรื่องของความสูงค่ะ ตอนเด็กเราไม่ชอบสิ่งนี้เลย คิดว่ามันเป็นปมด้อย ความสูงไม่เป็นที่ชื่นชม แต่พอโตขึ้นมาจึงได้รู้ว่าสิ่งนี้ทำให้เรามีความโดดเด่นกว่าคนอื่น ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนมอง ให้ความสนใจกับรูปลักษณ์ที่โดดเด่น คนมองเห็นง่าย จากสิ่งที่ไม่ชอบกลับกลายเป็นสิ่งที่ชื่นชอบมากที่สุด”

อาหารจานโปรด

“หนูชอบทุกอย่างที่เป็นอาหารของภูเก็ตค่ะ แต่ที่กินบ่อยสุดและไม่เบื่อเลยก็คือเมนูสุกี้แห้งค่ะ ทานได้ทุกครั้งเลยค่ะ”

สัตว์เลี้ยงตัวโปรด

“ก็คงจะเป็นแมวนั่นละค่ะ เพราะคุณพ่อเลี้ยงแมว แต่หนูก็เกรงใจท่านนะคะ เรามาอยู่ที่นี่ก็ไม่มีคนช่วยเลี้ยงช่วยดูแล แต่หนูก็ดีใจที่คุณพ่อแฮปปี้ที่ได้อยู่กับแมว ส่วนตัวไหนเป็นตัวโปรดคงเลือกไม่ได้ค่ะ เพราะแต่ละตัวนิสัยไม่เหมือนกัน หนูชอบทุกตัวเพราะมันมีมุมมองที่แตกต่างกันค่ะ”

สถานที่ท่องเที่ยวที่ชอบมากที่สุด

“ภูเก็ตบ้านเกิดค่ะ หนูเกิดที่นั่นโตที่นั่น จึงชอบทุกที่ที่เป็นภูเก็ต หนูชอบไปนั่งที่ทะเลเพราะเงียบสงบดี ชอบไปถ่ายรูป อ่านหนังสือริมทะเล บางทีไปนั่งเฉย ๆ ก็มีความสุขแล้วละค่ะ และหนูก็อยากเชิญชวนทุกคนไปเที่ยวภูเก็ตด้วยเพราะทะเลที่นั่นสวยงามมาก รับรองไม่ผิดหวังค่ะ”

ชอบฟังเพลงแนวไหน

“อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสียนะคะ ถ้าหนูเจอเพลงที่ชอบก็จะฟังไปเรื่อย ๆฟังจนกว่าจะเบื่อ ส่วนตัวหนูชอบแนวซอฟต์ร็อกกับอาร์แอนด์บี จังหวะสนุก ๆ ค่ะ อย่างเพลงของ ลิซ่า หนูไม่ค่อยชอบนะ แต่พอได้ฟังแล้วก็สนุกดีเลยชอบ เขาเป็นคนที่เก่ง มีพรสวรรค์และความพยายาม คือเขาเก่งมาก ๆ เลยค่ะ”

เล่นกีฬาอะไรบ้าง

“ไม่ได้เล่นเลยค่ะ เมื่อก่อนก็ไม่เคยดูกีฬาเลย แต่ตอนหลังมาเปิดดูยูทูบผ่าน ๆ ก็สนุกดี หนูตามดูทีมเชลซีค่ะ ชอบดูตอนเขาฝึกซ้อม มันสนุกดีค่ะ แต่ถ้าจะถามว่าหนูเหมาะกับกีฬาอะไร คงเป็นว่ายน้ำค่ะ เพราะเป็นคนตัวยาวก็น่าจะช่วยให้เราได้เปรียบว่ายไปได้เร็วและชนะคู่แข่งได้ค่ะ”

ไอดอลในดวงใจ

“คุณพ่อกับคุณแม่ค่ะ เพราะท่านเลี้ยงดูเรามาดีมาก ถ้าเรามีลูกก็อยากทำแบบนั้นค่ะ คือท่านจะสอนเรื่องการเห็นคุณค่าของตัวเอง สอนว่าการใช้ชีวิตควรทำยังไง สังคมทุกวันนี้เป็นยังไง เราต้องระวังตัวยังไงเวลาที่ต้องอยู่ร่วมสังคมกับคนอื่น ๆ ค่ะ”

แนวคิดของตัวเอง

“จะเป็นคนที่พยายามมองโลกในแง่ดีค่ะ ถ้าเรามองโลกในแง่ร้ายก็จะไม่เห็นอะไรดี ๆ และยิ่งเราอยู่กับคนที่คิดลบ เราก็จะไม่ได้พลังบวกกลับมา มันทำให้อึดอัด มันไม่ใช่ตัวเราค่ะ และหนูก็ไม่อยากเป็นแบบนั้นด้วยค่ะ”

อาชีพที่อยากทำที่สุด

“หนูอยากเป็นนักการทูตค่ะ เพราะเป็นคนที่ชอบพูดคุยกับชาวต่างชาติ คุณแม่มีเพื่อนชาวต่างชาติเยอะ หนูก็จะได้คุยกับเขาด้วย มันสนุกดี ได้เรียนรู้อะไรใหม่จากเขาทั้งเรื่องการดำรงชีวิตและวัฒนธรรมที่แตกต่าง แต่ละชาติก็ไม่เหมือนกันทั้งยุโรป
จีน ญี่ปุ่น ภาษาที่ใช้ส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาอังกฤษ ไม่เก่งมากแต่สามารถตอบโต้และสื่อสารกันรู้เรื่องค่ะ”

“อีกอย่างหนูอยากไปเรียนต่อที่ต่างประเทศค่ะ อยากไปเรียนที่อังกฤษ อยากลองไปใช้ชีวิตที่นั่น แต่คุณแม่อยากให้เรียนในเมืองไทยก่อน ทำงานหาประสบการณ์ เมื่อมีโอกาสก็ค่อยไปเรียนค่ะ”

 มีวิธีใช้โซเชียลอย่างไร

“เมื่อก่อนหนูติดโซเชียลมากค่ะ แต่ตอนหลังพยายามจะไม่โพสต์รูปตัวเองหรือการทำงาน พยายามออกห่าง เพราะมันทำให้สภาพจิตใจไม่โอเคเลย คือเวลาเราดูโซเชียลเยอะ ๆ แล้วมัวแต่ยกย่องคนอื่น ๆ มันก็เลยทำให้เราขาดความมั่นใจในตัวเองในบางแง่บางมุมไปค่ะ”

วัยรุ่นยุคใหม่ควรเป็นอย่างไร

“สิ่งสำคัญเลยก็คืออยากจะบอกว่าจงอย่าสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองค่ะ การเป็นตัวเองดีที่สุด เพราะถ้าเราอยากเป็นแบบคนอื่นเราจะเหนื่อยค่ะ”

ข้อคิดจากไวรัสโควิด-19

“เรื่องนี้หนูต้องขอบคุณเลยค่ะ เพราะช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาด ทำให้หนูได้กลับบ้านที่ภูเก็ต ได้กลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ได้ทำกิจกรรมกับครอบครัว ได้ขับรถไปเที่ยวไปกินข้าวด้วยกัน ได้เปิดใจคุยกันค่ะ ทำให้หนูมีความสุขมากค่ะ”

สเปกหนุ่ม ๆ ในใจเป็นยังไง

“เอาจริง ๆ เลยนะคะ ตอนนี้หนูไม่ได้มองเรื่องรูปร่างหน้าตาเลยค่ะ เรารู้สึกว่าเรามีเป้าหมายในชีวิต มีเป้าหมายอนาคต ทั้งเรื่องการทำงาน การเงิน เลยรู้สึกว่าคนที่จะมาอยู่ด้วยต้องเป็นผู้ใหญ่ที่มีความคิด ต้องพาเราไปในทางที่ดี คือหนูยังไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานมีลูกนะคะ ขอแค่อยู่ด้วยกันแล้วทำให้เราดีขึ้น ทำให้เรามีความสุข ถ้าทำไม่ได้ หนูคิดว่าก็อย่ามีเลยจะดีกว่าค่ะ”

อยากเข้าสู่วงการมายาบ้างมั้ย

“อยากค่ะ อยากเล่นละครสักเรื่อง อยากลองสักครั้ง หนูคิดว่ามันยาก เราเห็นนักแสดงในทีวีหรือในหนัง หนูคิดว่าเขาเก่งมาก ๆ เลยค่ะ หนูก็อยากลองดูสักครั้งในชีวิต แค่ได้ทำก็ดีใจมากแล้วค่ะ”.

วอน อ่อนวงค์ / เรื่อง พีระพันธ์ แผนดี / ภาพ

ประวัติส่วนตัว
ชื่อ : สุชาตา ช่วงศรี
ชื่อเล่น : โอปอ
เกิด : 20 มีนาคม 2546
พ่อ : ธเนศ ดอนกำเนิด
แม่ : สุพัตรา ช่วงศรี
การศึกษา : โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
IG : suchaaaata