เมื่อเอ่ยถึง “ขนมไข่นกกระทา” ทุกคนต้องร้องอ๋อ เคยลิ้มรสมาแล้ว กับความกรอบนอก นุ่มใน เคี้ยวหนึบ ๆ อยู่ในปาก รสชาติหวานนิด กินเพลินแบบหมดไม่รู้ตัว ปัจจุบันมีการปรับวัตถุดิบเพื่อให้ขนมมีสีสันน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น ใครที่กำลังมองหาอาชีพอิสระ..อาชีพนี้น่าสน เพราะใช้เงินทุนน้อย กำไรดี สามารถใส่รถเข็นไปขายตามที่ต่าง ๆ ได้อย่างน่าทึ่ง วันนี้คอลัมน์ “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอ

ผู้ที่จะมาให้ข้อมูลเรื่องนี้เป็นสองสามีภรรยาที่ทำขนมโบราณขายมานานเกือบ 20 ปี คือ แอ้นปุณฑริกา ห้วยเรไร กับ อู๊ดชัยบูรณ์ ปิยะรังษี อายุ 51 ปี เจ้าของร้านซาลาเปา-ไข่หงส์ “แม่สมใจ” ซึ่งเล่าถึงที่มาของอาชีพทำขนมโบราณขายว่า เดิมทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศ พอแต่งงานมีครอบครัวก็ลาออกเพราะมีลูกเยอะ เงินเดือนไม่พอใช้ ตั้งใจจะออกไปค้าขายเนื่องจากแฟนทำงานเป็นหลักอยู่แล้ว เริ่มจากขายผลไม้ตามฤดูกาล เหนื่อยมาก ต้องไปรับผลไม้มาขายเองจึงเลิกขาย พอดีแฟนลาออกจากงานเพราะปัญหาส่วนตัว ทั้งสองจึงรับปลาเล็กปลาน้อยมาทอดขาย ผลตอบรับดีมาก แต่ตอนหลังต้องเลิกขายเพราะปลาหายาก แต่ต้องจ่ายค่าแผงแพง

“แฟนเป็นคนใต้มีฝีมือในการทำอาหาร จึงทำแกงปักษ์ใต้ขายตลาดนัด ตักขายมือเติบ กำไรน้อย เลยเปลี่ยนมาทำปลาดุกทอดขมิ้นกระเทียมขายดีมาก ขายวันละ 30-40 กก.กำไรดีมาก มีคนมาทักว่าฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมันบาป เรารู้สึกไม่ดีและไม่สบายใจ จึงตัดสินใจเปลี่ยน อาชีพใหม่ตามคำแนะนำของคุณแม่ ที่ว่าให้เอาสิ่งที่มีมาทำเป็นอาชีพ และยังเป็นการอนุรักษ์ขนมโบราณเอาไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ซาลาเปาทอด (ขนมไข่หงส์), ขนมไข่นกกระทา, ขนมกล้วยทอด-มันทอด ฯลฯ จากนั้นก็ยึดอาชีพนี้มาโดยตลอด ลงทุนน้อย กำไรดี ต่อมาก็มีการปรับสูตรและวัตถุดิบเล็กน้อยเพื่อเป็นจุดขายและมีความทันสมัย เช่น ขนมไข่นกกระทา มีความกรอบนอกนุ่มใน และเพื่อให้มีสีสันสวยงามน่ารับประทาน”

อุปกรณ์ มี…เตาแก๊ส, เครื่องบด, ทัพพี, หม้อสเตนเลส, ไม้พาย, ลังถึง, เขียง, ตะแกรง, กระทะ และภาชนะใส่ของต่าง ๆ รวมไปถึงอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ

วัตถุดิบ ในการทำ “ขนมไข่นกกระทา” หลัก ๆ มีมันเทศไข่ (มันเทศม่วง และเผือก) 500 กรัม, แป้งมันสำปะหลัง 200 กรัม, แป้ง
สาลีอเนกประสงค์ 30 กรัม, นํ้าตาลทราย 120 กรัม, นํ้าปูนใส 2 ช้อนโต๊ะ, ผงฟู 1 ช้อนชา, เกลือป่น 1/2 ช้อนชา และนํ้ามันสำหรับทอด

ขั้นตอนในการทำ “ขนมไข่นกกระทา”

เริ่มจากนำมันเทศทั้ง 3 ชนิดมาปอกเปลือก ล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กนำไปนึ่งให้สุก แล้วนำมาบดให้ละเอียดพักไว้

ผสมแป้งมันสำปะหลัง, แป้งสาลีอเนกประสงค์, นํ้าตาลทราย, เกลือ และผงฟูในอ่างผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำไปเทใส่มันเทศนึ่งที่บดเตรียมไว้ ใส่นํ้าปูนใสลงไป ทำการนวดขยำส่วนผสมไปเรื่อย ๆ จนเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนผสมแป้งจะมีลักษณะเนื้อเนียนและไม่ร่วน แล้วแบ่งแป้งเป็นก้อน คลึงเป็นเส้นกลม ๆ ยาว ๆ ใช้มีดตัดเป็นชิ้นเล็กเท่า ๆ กัน ใช้มือปั้นและคลึงให้เป็นก้อนกลม ๆ ไว้บนภาชนะ เตรียมทอด

ตั้งกระทะบนเตา ใส่นํ้ามันให้ท่วม ใช้ความร้อนปานกลาง พอนํ้ามันร้อนได้ท่ีให้เอามันเทศที่ปั้นไว้พอประมาณลงทอดไฟอ่อนถึงปานกลาง ในตอนแรกให้ใช้ตะแกรงตาห่าง ๆ คนขนมแบบกด ๆ วน ๆ ไปทางเดียวตลอดเวลาเพื่อให้ขนมฟูขึ้นจากขนาดเดิมประมาณ 1.5-2 เท่า (ขนมฟูมากก็กลวงมาก) พอขนมพองเหลืองแล้ว ให้ทอดต่อไปอีกสัก 3-4 นาที เพื่อให้ผิวขนมเซตตัวกรอบดีก่อน ถ้าตักขึ้นมาเร็วก็จะยุบ จนขนมสุกเหลืองทั่วกัน ใช้ตะแกรงตักขึ้นพักให้สะเด็ดนํ้ามัน รับประทานตอนทอดเสร็จใหม่ ๆ จะกรอบนอก กลวงแต่นุ่มหนึบใน

แอ้น บอกอีกว่า สูตรที่ให้ไปเป็นสัดส่วนการทำมันเทศชนิดเดียว ถ้าทำมันเทศ 3 ชนิด ใช้ส่วนผสมและวิธีทำเหมือนกัน

สำหรับราคาขาย “ขนมไข่นกกระทา” เจ้านี้ ขาย 12 ลูก ราคา 20 บาท

สนใจขนมภูมิปัญญาชาวบ้าน อย่าง “ขนมไข่นกกระทา” ก็ลองฝึกทำดู หรืออยากจะซื้อหามาลองชิมดู เจ้านี้จะขายวันจันทร์ ที่กรม
ส่งเสริม ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน, วันพุธและวันศุกร์ ขายที่ตลาดนัดเช้า วิภาวดี 64 กรมประมง, วันพฤหัสบดี ขายที่ตลาดนัด รพ.ธรรมศาสตร์รังสิต และวันอาทิตย์ ที่ ม.ราชมงคลธัญบุรี คลอง 6 ต้องการสั่งไปใช้งานต่าง ๆ นอกสถานที่ ติดต่อ แอ้นปุณฑริกา ห้วยเรไร เจ้าของกรณีศึกษา “ช่องทางทำกิน” รายนี้ ได้ที่ โทร. 09-6857-9609 …ของกินพื้น ๆ บ้าน ๆ หากรู้จักพลิกแพลงก็สามารถเป็นอาชีพสร้างเงินได้เป็นกอบเป็นกำ.

เชาวลี ชุมขำ : เรื่อง