“ปวีณา” ช่วยหนูด้วย!! สาดน้ำกรด = ฆ่าคนตายทั้งเป็น

​ชีวิตที่เหมือนตายทั้งเป็นของสาวแคดดี้สนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง “หนึ่ง” หญิงสาววัย 31 ปี กับลูกน้อย 2 คน เด็กหญิงวัย 3 ขวบ กับ 4 ขวบ ต้องทนทุกข์ทรมาน หลังหนึ่งถูกอดีตสามีวางแผนลวงไปสาดน้ำกรดเพราะตามง้อขอคืนดีไม่สำเร็จ ชีวิตหนึ่งต้องพังทลาย จากสาวสวยกลับกลายเป็นสาวพิการใบหน้า ร่องรอยแผลเป็นตามใบหน้าและตามร่างกายไม่มีวันจาง ถึงแม้วันนี้วันนี้​ ตำรวจจะจับกุมอดีตสามีมาได้​ ก็ดำเนินคดีแค่ข้อหา ทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส

หนึ่ง เล่าว่า สิ่งที่ไม่คาดฝันและไม่เคยคิดว่าจะเกิดกับตัวเองนั้น ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ก.ย.64 ช่วงนั้นหนูเลิกรากับอดีตสามี​ เพราะสาเหตุปัญหาครอบครัว​ และได้คบหากับชายคนใหม่ วันนั้นมีคนโทรฯ​ มาหาสอบถามว่าต้องการเงินกู้หรือไม่? ก่อนที่จะมีการนัดส่งเอกสารทำเรื่องกู้เงินกันที่บริเวณซอยห้วยยายมุก ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เปลี่ยว หนูได้พบชาย 2 คน ขับขี่​ จยย.มา คนหนึ่งรูปร่างท้วม อีกคนหนึ่งผอม สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ

จากนั้นชายรูปร่างท้วมเดินถือแก้วเยติเข้ามา​ แล้วสาดน้ำใส่หนูเข้าที่หน้าอกและใบหน้า ก่อนที่ทั้งคู่จะขี่​ จยย.พากันหลบหนีไป หนูปวดแสบปวดร้อนไปทั่วบริเวณที่ถูดสาด​ จึงรู้ว่าต้องเป็นน้ำกรดแน่นอน หนูตั้งสติขี่รถ​ จยย.รีบกลับมาบ้านและญาติช่วยพาส่งโรงพยาบาล ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลนานกว่า 3 เดือน จากนั้นได้เข้าแจ้งความที่​ สภ.หนองปรือ จ.ชลบุรี เพื่อขอให้ตำรวจจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี ซึ่งหนูเองก็ไม่รู้ว่าทำไมคนร้ายต้องมาทำกับหนูแบบนี้

“กระทั่งวันที่ 18 ม.ค.65 หนูเกรงว่าคดีไม่มีความคืบหน้า และตัวเองก็รู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่รู้ว่าคนร้ายจะย้อนกลับมาทำร้ายอีกหรือไม่​ จึงตัดสินใจเข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ท่านให้การช่วยเหลือหนูอย่างดี​ ประสาน พ.ต.อ.ดำรง เอี่ยมไพโรจน์ ผกก.สภ.หนองปรือ จนคลี่คลายคดีสำเร็จ ที่น่าตกใจ​ คนร้ายที่สาดน้ำกรดหนูนั้น​ ไม่ใช่ใครที่ไหน!! เป็นอดีตสามี และเป็นพ่อของลูกหนูทั้ง 2 คนนั่นเอง ที่ผ่านมา​ หนูเองก็สงสัยแต่ด้วยการที่เขาปลอมตัวและวางแผนมาเป็นพวกปล่อยเงินกู้​ ทำให้หนูเองก็คิดไม่ถึง”

หนึ่ง เล่าต่อว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาว 2 คน อยู่กับพ่อ​ แต่หลังเกิดเรื่อง​ นางปวีณา ช่วยประสาน นางนัทธมน กิจดำรงกุล หัวหน้าบ้านพักเด็กฯ จ.ชลบุรี เข้าตรวจสอบและช่วยลูกทั้ง 2 คน ให้ได้กลับมาอยู่กับหนู เรา 3 คนแม่ลูก​ เข้าอยู่ในความดูแลคุ้มครองของมูลนิธิปวีณาฯ เจ้าหน้าที่ช่วยดูแลทั้งเรื่องสภาพร่างกายและสภาพจิตใจ แม้หนูจะรักษาตัวจนหายมาได้ประมาณหนึ่ง​ แต่ยังต้องทุกข์ทนกับร่องรอยแผลเป็นที่ทำให้เจ็บปวดไปทั้งร่างกาย บางวันนอนไม่ได้ และดวงตาข้างขวาที่เริ่มจะเลือนรางมองไม่เห็น

“ไม่รู้ว่าเคราะห์กรรมอะไร​ ทำไมหนูต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ คนเราอยู่กันไม่ได้ก็แยกทาง สิ่งสำคัญคือต้องทำหน้าที่พ่อและแม่ของลูกให้ดี ที่เขาทำแบบนี้ไม่คิดอะไรเลยหรือ ว่าหนูจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร พ่อติดคุก แม่มีสภาพแบบนี้​ จะทำงานเลี้ยงลูก 2 คนอย่างไร ไม่เคยคิดถึงความดีที่อยู่กันมาบ้างเลยหรือ จิตใจคุณทำด้วยอะไร”

ตำรวจ​ สภ.หนองปรือ ใช้เวลาสืบสวนคลี่คลายคดีนี้ถึง 2 สัปดาห์ กว่าจะจับกุมผู้ก่อเหตุ​ ซึ่งเป็นอดีตสามีและเพื่อน สอบสวนทั้งสองให้การรับสารภาพ โดยสามีเกิดความหึงหวงที่ฝ่ายหญิงไปคบหาชายใหม่และง้อไม่ยอมคืนดี จึงวางแผนซับซ้อนโยนความผิดให้กับแฟนใหม่ผู้เสียหาย แต่สุดท้ายก็ไม่รอดพ้นมือตำรวจ​ เพราะจำนนต่อหลักฐาน

หลังจากเรื่องคดีเรียบร้อย​ ผู้กระทำผิดต้องรับโทษทางกฎหมาย แต่ “หนึ่ง” ยังต้องเจ็บปวดกับบาดแผลทั่วร่างและดวงตาข้างขวาที่เริ่มจะมองเห็นริบหรี่ นางปวีณา จึงได้ประสาน นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลยันฮี และ​ นพ.พิชญ์ ไพบูลย์เกษมสุทธิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาศัลยกรรมตกแต่ง แพทยสภา โรงพยาบาลยันฮี ช่วยเหลือทำการรักษาหนึ่ง ให้สภาพร่างกายสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง

แพทย์ตรวจบาดแผลของหนึ่ง พบว่า หนึ่งมีปัญหาตาล่างข้างขวามีการกดรั้งลงมา เนื่องจากมีรอยแผลเป็นกดรั้งที่คอ​ ทำให้ดึงเปลือกตาล่าง​ จึงมีปัญหาเรื่องการมองเห็น ก่อนจะทำการผ่าตัดแก้ไขด้วยวิธีตัดเลาะพังผืดที่ดึงรั้งคอ​ เพื่อให้ยืดแผลกดรั้งที่ดึงเปลือกตา​ ซึ่งทำให้มีผลกระทบในการมองเห็น ซึ่งหลังผ่าตัด​ หนึ่งอาการดีขึ้นตามลำดับ

ขณะที่แผลเป็นตามร่างกาย​ ซึ่งสร้างความเจ็บปวดนั้น แพทย์แนะนำให้หมั่นใช้น้ำมันมะพร้าวเพื่อให้ผิวหนังเกิดความยืดหยุ่น และใส่ชุดกระชับเพื่อไม่ให้บาดแผลนูนกว่าเดิม ซึ่งแพทย์จะต้องนัดดูอาการเป็นระยะ​ และต้องใช้เวลารักษานานพอสมควร

วันนี้ “หนึ่ง” หญิงสาวเหยื่อน้ำกรดจากพิษรักแรงหึงของอดีตสามี กับชีวิตที่พลิกผันราวฟ้ากับเหว เธอยังคงมีกำลังแรงใจฮึดสู้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อลูกน้อยทั้งสองคน หนึ่งอยากฝากเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์​ ทำไมผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำ สาดน้ำกรดไม่ใช่แค่ทำให้เสียโฉม​ เพื่อความสะใจของใครคนใดคนหนึ่ง อย่าลืมว่าเป็นการทำลายชีวิตคนให้ตายทั้งเป็น ส่องกระจกทีไรคุณคงไม่สามารถลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้

“หนูอยากให้มีบทลงโทษทางกฎหมายกับผู้ที่คิดทำลายชีวิตคนอื่นด้วยการสาดน้ำกรดใส่ ให้เท่ากับการฆ่าคนโดยเจตนายังจะดีเสียกว่า เพราะสาดน้ำกรดก็เท่ากับว่า​ คุณได้ฆ่าคนๆ หนึ่งให้ตายทั้งเป็นไปแล้ว”

ด้านนางปวีณา กล่าวว่า หลังรับเรื่องจากหนึ่งรู้สึกเห็นใจและสงสารอย่างมาก เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่โหดร้าย มีการวางแผนเจตนาลงมือทำลายชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งอย่างตั้งใจ มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยประสานตำรวจจนจับกุมอดีตสามีที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีทางกฎหมาย ส่วนหนึ่งนั้น​ นอกจากบาดแผลทางร่างกายแล้ว​ จะต้องดูแลบาดแผลทางจิตใจด้วย ซึ่งมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามให้การช่วยเหลือเพื่อให้หนึ่งกลับสู่สังคมได้อย่างปกติสุขต่อไป

คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : สุดารัตน์ ยู
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่ [email protected]
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่..