เจ้าหน้าที่หลายคนต้องกัน ยานา บาเช็ค ออกไป ในขณะที่พวกเขาเคลื่อนย้ายศพพ่อของเธอ ซึ่งตามมาด้วยแรงระเบิดที่ปะทะตึกอพาร์ตเมนต์สมัยโซเวียตที่พวกเขาอาศัยอยู่

ตัวเธอที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ กล่าวว่า เธอกำลังเตรียมการสอนออนไลน์ในห้องครัวของอพาร์ตเมนต์แบบหนึ่งห้องนอนของเธอ ซึ่งอยู่ใกล้กับตึกที่พ่อแม่เธออยู่ เมื่อเกิดการระเบิดขึ้น “ฉันจำได้แค่ว่ามีเสียงระเบิด” เธอกล่าว “ฉันเพิ่งกลับจากซื้อของ และเสียงดัง เสียงระเบิด ก็ดังขึ้น”

ยานา บาเช็ค ระหว่างให้สัมภาษณ์พิเศษกับผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์ส 2 วัน หลังการจากไปของบิดา

หลังจากนั้น แม่ของเธอ ลิวบอฟ ก็โทรศัพท์หาเธอทันที ด้วยเสียงที่สั่นเครือ และบอกว่าพ่อของเธอออกไปซื้อขนมปังและยังอยู่ข้างนอก ส่วนแฟนของเธอ เยฟเกนิยา ห้ามไม่ให้เธอรีบออกไป เพราะกลัวว่าจะมีการระเบิดซ้ำตามมาอีก ซึ่งมันก็เกิดขึ้นจริง ในไม่กี่วินาทีต่อมา “ฉันเริ่มโทรศัพท์หาพ่อ แต่เขาไม่รับสาย” เธอกล่าว

เมื่อเธอสวมเสื้อโค้ตและออกจากอพาร์ตเมนต์ในไม่กี่นาทีต่อมา ช่างภาพที่มาถึงกับรถพยาบาล หลังจากกระเบิดไม่นาน ก็เห็นถึงท่าทางที่เจ็บปวดของเธอเมื่อได้เห็นศพของพ่อ “ฉันขอโทษ ฉันอยากจะลืมมัน ภาพนั้น ภาพหนึ่งที่ฉันเห็นเขา” บาเช็ค กล่าว

กูบาเรฟ เป็นอดีตคนขับรถ ขณะที่ บาเช็ค เล่าว่า เธอเติบโตมาในครอบครัวชนชั้นกลางที่ไม่มีเงินมากนัก ในช่วงปลายโซเวียตยูเครน เรียนหนังสืออย่างหนักที่โรงเรียนกับแม่ของเธอ ครูสอนเปียโนผู้เพลิดเพลินไปกับคอนเสิร์ตและโรงละคร และพ่อผู้ชื่นชอบการซ่อมแซมรถและหยอกล้อกับบุตรสาวของเขา

“ในชีวิตปกติของเขา แม้จะอยู่ในช่วงสงคราม เขาพยายามยิ้ม ทำให้หัวเราะ เป็นกำลังใจให้เรา เขาบอกกับพวกเราว่า ‘พวกเธอคือสุดที่รักของฉัน คือฮีโร่ของฉัน’” เธอกล่าว

ตอนนี้เธอรอจนกว่าพ่อของเธอจะถูกฝัง แต่ที่นี่ก็ได้รับผลกระทบอันทุกข์ทรมานจากจำนวนผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น และพิธีการฝังศพทั่วไปไม่สามารถจัดได้ เหมือนกับที่อื่น ๆ ในยูเครน

“มันไม่ใช่ว่าพวกเราเคยทำ สุสาน หลุมฝังศพ สถานที่พิเศษที่ฉันสามารถแยกตัวออกจากคนอื่น เพื่ออยู่อย่างสงบ เพื่อพูด เพื่อร้องไห้ เพื่อวางเค้กอีสเตอร์” เธอกล่าวถึงประเพณีรำลึกของชาวยูเครน

ขนมปังที่วิคเตอร์ กูบาเรฟ ซื้อมาจากร้าน ยังคงวางอยู่บนโต๊ะภายในบ้านของครอบครัว

ขณะที่ครอบครัวกำลังรอข่าว ขนมปังที่กุบาเรฟออกจากอพาร์ตเมนต์ไปซื้อยังคงอยู่ ในห่อพลาสติก บนโต๊ะที่ทางเดินในบ้าน ที่ซึ่งเธอสัมผัสมันเล็กน้อยทุกครั้งที่เธอเดินไปที่ประตู

“ขนมปังนั้นเปื้อนเลือด” เธอกล่าว “ถึงตอนนี้ฉันจะไม่สามารถเก็บมันไว้ในมือของฉันได้ แต่ฉันก็ต้องการที่จะทำ เพราะมันคือส่วนของพ่อฉัน มันคือสิ่งสุดท้ายที่อยู่ในมือของเขา”.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS