หลายคนคิดว่าน่าจะได้เปรียบกว่าผู้สมัครรายอื่นๆ เพราะได้รับการแต่ตั้งจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2559 ก่อนจะประกาศลงสนามท้าชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระ “ทีมข่าวเดลินิวส์” จึงต้องมาสนทนากับ “บิ๊กวิน” สอบถามถึงแรงกดดันต่างๆ รวมถึงกลยุทธ์ไม้เด็ดในการนำชัยชนะ เพื่อกลับมาครองเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้ง

โดย “พล.ต.อ.อัศวิน” เปิดฉากกล่าวด้วยความหนักแน่นและมั่นใจ ว่า ผมจะขอต่อสู้ ลุยพื้นที่หาเสียงเดินหน้าทบทวนผลงานกับประชาชนที่ลงไปพบปะ เพื่อขอโอกาสกลับมานั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. สานต่อภาระงานที่ต้องแก้ไขปัญหาต่างๆของคนกรุงเทพฯ ให้เสร็จสิ้น ตามสโลแกน “กรุงเทพฯ ต้องไปต่อ” รวมไปถึงขออาสาเป็นพ่อบ้านดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่นาทีแรกเกิดจนถึงนาทียามเจ็บไข้ได้ป่วย

“ถึงแม้ผลโพลของผมอาจจะเป็นรองตลอด แต่ผลงานไม่เป็นรองใครแน่นอน” ผมไม่ได้กังวลใจอะไร อาจเป็นเพราะมาเปิดตัวทีหลัง ดังนั้นการที่ประชาชนจะตัดสินเลือกใคร ประชาชนจะเป็นผู้ประเมินจากผลงาน รักใครชอบใครก็แล้วแต่ประชาชน ผลงานจะเป็นตัวชี้วัดได้เอง ส่วนในเรื่องผลโพลออกมาแล้วเป็นรอง ก็ต้องบอกก่อนว่าในช่วงแรกที่ผมเปิดตัว อย่างนิด้าโพล ตอนเปิดตัวใหม่ๆ ก็ขึ้นมา 5% แล้วก็ขึ้นมา 7% แล้วก็ขึ้นมา 10% แต่ก็ยังตามหลัง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อยู่เยอะ แต่ไม่เป็นไร ต้องดูไปเรื่อยๆ ไม่ได้เสียกำลังใจ

ส่วนที่กระแสสังคมที่ชอบตั้งคำถามว่า ดำรงตำแหน่งในฐานะผู้ว่าฯ กทม. มา 5 ปี ทำอะไรมาบ้าง ผมได้ทำมาตลอด แค่ไม่ได้ออกมาพูดผ่านสื่อ แต่ปัจจุบันนี้ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอไปบ้างแล้ว เพื่อชี้ให้เห็นถึงผลงานเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ถึงสิ่งที่เราทำ แต่ผมก็ยอมรับว่าคนที่สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ล้วนเป็นคนที่มีศักยภาพทั้งสิ้น ก็ต้องให้ประชาชนเป็นผู้มีสิทธิตัดสินใจ

@ นโยบายอะไรบ้างที่คิดว่าจะสามารถครองใจคนกรุงเทพฯ ได้

ผมมีหลายนโยบายจึงเลือกไม่ถูก แต่แน่นอนว่า นโยบายต่างๆ ที่ได้ทำไปแล้ว แต่ยังทำไม่จบก็มี อย่างกรณีน้ำท่วม น้ำเหนือ น้ำฝนต่างๆ ก็แก้ไขไปได้มากแล้ว แต่ก็ยอมรับว่ายังไม่หมด อย่างที่เขาพูดกันว่า น้ำรอการระบาย แล้วก็ไม่จบสักที จุดน้ำท่วมซ้ำซากเมื่อก่อนมี 24 จุด เราก็แก้ไปแล้ว 15 จุด เหลืออีก 9 จุด เราก็อยากจะทำให้มันจบ เพราะพูดกันมา 20-30 ปี ว่าน้ำท่วมจะทำอย่างไร แต่มันไม่มีคนทำ แล้วพอผมได้มาเป็นผู้ว่าฯ กทม. จึงได้ทำเลย

รวมถึงตัวผมเองมี 3 อย่างที่ยึดถือ คือ 1.เป็นนักปฏิบัติ 2.เป็นนักประสาน และ 3.เป็นนักเปิดกว้าง คำว่า “นักปฏิบัติ” คือ ทำเองทุกเรื่อง ทำและไปดูด้วยตาตัวเอง ถ้าอันไหนที่ทำไม่ได้ก็จะนำไปสู่การเป็นนักประสาน เพราะบางครั้ง เราไม่สามารถบริหารเบ็ดเสร็จได้ด้วยตัวเอง เนื่องจากอำนาจและหน้าที่ไม่มี อย่างกรณีการนำเอาสายสื่อสารลงดิน หรือการจราจร หรือรถควันดำที่ทำให้เกิดมลพิษ ค่าฝุ่น PM ก็ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนอกจากการประสานแล้วต้องเปิดกว้างทางความคิด ให้คนมาคอยแนะนำขั้นตอนต่างๆให้เรารับฟัง แล้วเราก็ทำตามที่เขาแนะนำ

ตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. สำหรับผม มันไม่ใช่เรื่องของการเมือง แต่มันเป็นเรื่องของการบ้าน เพราะต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชน ตั้งแต่เกิดจนถึงวันที่เขาเจ็บไข้ได้ป่วย สูงอายุ ต้องดูแลเขาทั้งหมด เหมือนพ่อบ้านดูแลลูกบ้าน

@ ถ้าได้กลับมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.อีกครั้ง จะเลือกทำสิ่งใดเป็นอันดับแรก

สิ่งสำคัญที่คนกรุงเทพฯ กลัวที่สุด มีอยู่ 2 เรื่อง คือ น้ำท่วมและรถติด ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกเลยก็คือ น้ำที่มันท่วมซ้ำซากจาก 24 จุด ผมแก้ไปแล้ว 15 จุด เหลืออีก 9 จุด ตรงนี้ที่ต้องไปแก้ก่อน เพราะที่น่ากังวลที่สุดคือน้ำฝน เดี๋ยวนี้เหลือโซนที่น้ำมักจะท่วมอีกเพียง 9 จุด สิ่งที่สำคัญที่สุดอันดับแรกสำหรับผมคือ ทำอย่างไร จึงจะเอาน้ำฝนที่ตกลงมา เอาออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาและลงสู่อ่าวไทยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ นี่คือสิ่งแรกที่ผมจะต้องทำต่อให้เสร็จ เพื่อคนกรุงเทพฯ

@ ช่วงโค้งสุดท้ายจะมีกลยุทธ์ไม้เด็ดอะไรที่จะพลิกคะแนนเสียงกลับมาชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ได้

ตอนนี้เหลือเวลาอีก 29 วัน ผมก็ไม่มีไม้เด็ดอะไร นอกจากลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนถึงสิ่งที่เราทำไป ว่ามีสิ่งไหนที่เราได้ทำไปแล้วบ้าง และเราอยากจะทำอะไรต่อไปให้เขา เพราะมีหลายสิ่งที่ต้องทำและทุกอย่างเป็นเรื่องด่วนหมด ไม่ว่าจะเรื่องคุณภาพชีวิตของคน เรื่องความปลอดภัย แต่อย่างเรื่องน้ำเป็นปัญหาเฉพาะหน้า เพราะจะเข้าใกล้หน้าฝนแล้วด้วย ส่วนเรื่องนโยบายของผมก็เป็น 3 นโยบายง่ายๆ คือ คนกรุงเทพฯ ต้องมีความปลอดภัยทั้งในเรื่องของร่างกาย ชีวิตและทรัพย์สิน อย่างเช่น ไฟฟ้าส่องสว่างดีเต็มที่ กล้องวงจรปิดดี คุณภาพชีวิตต้องดีขึ้น เดินทางเท้าไม่สะดุดฝาท่อ ขนส่งสาธารณะดี และต้องอยู่กันอย่างสงบสุข

@ หลายคนคิดว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาลงพื้นที่ใน กทม.หลายๆ ครั้ง เหมือนมีนัยแฝงการเมืองหนุน พล.ต.อ.อัศวิน จะส่งผลต่อคะแนนเสียงหรือไม่

“การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีนัยยทางการเมือง ไม่มีความเกี่ยวข้องและไม่มีผลได้ผลเสียอะไรทั้งนั้น ผมอิสระจริงๆ เพราะมีหลายพรรคการเมืองมาติดต่อให้ผมไปลงกับเขา หรือให้ผมไม่ต้องส่ง ส.ก.แข่ง เดี๋ยวเขาจะหนุนให้ ผมก็บอกว่า ไม่ต้อง ผมต้องทำด้วยมือของตัวเอง คือ ถ้าเอาแบบผมไม่เปลืองตัวเลยนะ ผมก็คงพูดว่า ผมอิสระนะ เบอร์ 6 แต่ผมก็คงไปขอให้พรรค ก ข ค ง หนุนหลังแบบนี้ แต่ผมไม่ทำ เพราะนั่นไม่ใช่พฤติกรรมของอัศวิน ขวัญเมือง ผมเป็นคนเปิดเผย ชนก็ชน ถ้าไม่ชน ผมก็คงเป็นอีแอบขอให้ พปชร.หนุนผมทีนะ แต่นี่ไม่ใช่วิสัยของผม”