จากกรณี การตรวจสอบ “สำนักพระบิดา” ต.ดงบัง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ หลังจากพบว่ามีชาวบ้านที่หลงเชื่อและศรัทธาในตัว เจ้าลัทธิ ที่รักษาอาการป่วยจากโรคต่าง ๆ แบบพิสดาร เช่น ให้ดื่มน้ำต่าง ๆ ที่ออกมาจากร่างกายตั้งแต่ เหงื่อไคล น้ำลาย เสลด เสมหะ ไปจนถึง ปัสสาวะ และอุจจาระ มีการอ้างว่าทั้งหมดเป็นยารักษาโรคสามารถป้องกันโควิด ได้อีกด้วย ขณะเดียวกันยังพบว่าในสำนักมีศพผู้เสียชีวิตอยู่ถึง 11 ศพ และมีการต่อท่อน้ำเอาน้ำเหลืองจากศพมาใช้รักษาโรค ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 9 พ.ค. พล.ต.ต.ฉลอง สุขจันทร์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ พร้อมด้วย นายอำเภอคอนสาร ฝ่ายงานเกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบยัง “สำนักพระบิดา” อีกครั้ง โดย พล.ต.ต.ฉลอง สั่งการให้ทุกฝ่ายกระจายกำลังเข้าทำการตรวจค้นอย่างละเอียด ตามที่ได้มีการประชุมวางแผนไว้ ซึ่งเป้าหมายหลักคือ การตรวจสอบซากศพที่บรรจุอยู่ในโลงศพ และคาดว่าอาจมีการนำไปฝังไว้ตามพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้และสิ่งอื่น ที่อาจเชื่อมโยงไปสู่การกระทำความผิดด้านอื่น ๆ เนื่องจากยังมีศพเพื่อจะทำการตรวจและพิสูจน์ รวมถึงน้ำหมักที่อ้างว่ารักษาโรคต่าง ๆ ได้ หากตรวจสอบพิสูจน์ได้ว่ามีการเชื่อมโยงจนเป็นเหตุให้เกิดการเสียชีวิต ก็จะดำเนินการทางกฎหมายทันที

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่า แต่ละศพจะถูกบรรจุอยู่ในโลงศพ ตั้งอยู่ในกระต๊อบ โดยศพที่พบมีลักษณะแห้งเหลือเพียงโครงกระดูก คาดว่าน่าจะนำเอาน้ำเหลืองไปใช้ตามความเชื่อจนหมดแล้ว จะเหลือก็เพียง 1 ศพ ที่คาดว่าเสียชีวิตไปได้ไม่นาน สภาพศพยังสมบูรณ์แต่มีการโบกด้วยปูนซีเมนต์เอาไว้ ภายในโลงศพมียาเส้นและใบขนุนที่ใช้ในการดับกลิ่นเน่าเหม็นด้วย จากนั้นได้เคลื่อนย้ายศพทั้งหมดไปไว้ยังมูลนิธิชุมแพฯ เพื่อรอผลการพิสูจน์จากทางนิติเวช ก่อนจะมอบให้ญาติผู้เสียชีวิต นำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

สำหรับบริเวณพื้นที่ของ “สำนักพระบิดา” ขณะนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครรักษาดินแดนตรึงกำลังห้ามให้บุคคลภายนอกเข้าไปด้านใน และประชาชนที่อยู่ด้านในก็ห้ามออกมา ซึ่งทางนายอำเภอจะได้จัดรถรับ-ส่งประชาชนกลับภูมิลำเนา บรรยากาศเป็นไปด้วยความตรึงเครียดพอสมควร เพราะยังมีผู้ที่ศรัทธาบางรายยังเลื่อมใสศรัทธาอยู่ 5-6 คน ไม่ประสงค์ที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา เนื่องจากยังมีความหวังว่าพระบิดาจะกลับมาอีกครั้ง

ด้าน พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทร์ทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร ยอมรับว่าเนื่องสภาพศพส่วนใหญ่ อยู่ในสภาพที่แห้งและเหลือเพียงโครงกระดูก จำเป็นต้องนำไปเก็บรักษาไว้ในที่เหมาะสม เพื่อรอผลพิสูจน์อย่างเป็นทางการเสียก่อน จึงจะมอบให้กับญาตินำกลับไปทำบุญ ส่วนนายทวี หนันรา อายุ 75 ปี ที่อ้างตนว่าเป็นพระบิดาของทุกศาสนานั้น ในช่วงบ่ายของวันนี้ จะได้นำตัวไปฝากขังที่ศาลอำเภอภูเขียว ต่อไป.