เมื่อวันที่ 30 ก.ค. แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ดังนี้

ขออนุญาตใช้รูปนี้จากผู้ใช้ FB ท่านหนึ่งมาเป็นหัวข้อเตือนใจยามวิกฤติที่หนัก ความรุนแรงของเชื้อกำลังทวีความหนักหน่วง จนระบบสาธารณสุขอาจใกล้ล่มสลาย

การสื่อสารในภาวะวิกฤติเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้บริหารต้องสร้างระบบให้มีการให้ข้อมูลจริง ครบถ้วน กระชับ รู้เท่าทันเหตุการณ์ ทุกเรื่องที่ประชาชนอยากรู้ กลับไม่ได้รู้หรือไม่ครบถ้วน วันนี้วัคซีนมาจะกำหนดให้ใครได้อย่างไร

ระบบส่งต่อวัคซีนไฟเซอร์ ต้องระมัดระวังเรื่องอุณหภูมิไม่ให้เกิดการเสื่อมสลาย จะกระจายไปอย่างไร ใครเป็นกลุ่มเป้าหมาย

นี่ก็จะเป็นประเด็นใหม่ เคสคนเสียชีวิตริมถนนเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดเยอะ แต่ที่สื่อสารออกมามีเพียงว่าคำสั่งอย่าให้เกิด สื่อความห่วงไยและยังมีการออกกฎหมายควบคุมข้อมูล แต่แนวทางที่รัฐเตรียมแก้มีอะไรกลับยังไม่ปรากฎ

นี่คือเสี้ยวเล็กๆของปัญหาการสื่อสารในภาวะวิกฤติ สิ่งที่มีSense (ไม่รู้ว่าจะใช้คำอะไรที่ชัดเจน) ด้วยตัวเอง รับรู้ได้ว่าเดือนหน้านี้จะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นทั้งความรุนแรงของเชื้อ จำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตที่เพิ่มตลอดเวลา ความตึงตัวสุดๆของระบบสาธารณสุข ระบบราชการที่ไม่รองรับสถานการณ์วิกฤติและหนักสุดคือการเมืองที่มีส่วนสำคัญ สัญญานโลกร้อนส่งมาหลายปี หลายประเทศเจอฝนพันปีน้ำท่วมรุนแรง

Sense ที่ว่าจะมีอันตรายอีกมากมายที่กำลังคืบเข้ามา ก็ขอส่งกำลังใจให้มีพลังความคิดบวกอยู่ให้ปลอดภัยท่ามกลางความวุ่นวาย ปฏิบัติธรรมสร้างความดี ช่วยเหลือผู้อื่นแทนการจมอยู่กับความเน่าของสถานการณ์

จำได้ว่าเมื่อคราวสึนามิมีศพหลายพันที่ส่งกลิ่นเหม็น มีข่าวการถูกตำหนิผ่านสื่อ ไม่มีข่าวว่ารัฐปกป้องคนทำงาน แต่เราทุกคนต่างมุ่งมั่นทำภารกิจให้ลุล่วงได้ด้วยการพยายามใช้ทุกวิถีทางท่ามกลางความเหม็นสุดๆ ก็เพราะจิตที่มุ่งตรงที่เป้าหมายช่วยกันพาเขากลับบ้าน ความเหม็นจึงไม่เคยเป็นอุปสรรค

มาวันนี้การระบาดของโควิดหนักกว่ามาก แถมการสื่อสารก็เปลี่ยนไป แต่ก็เชื่อได้ว่าพลังความดีที่ทุกคนกำลังช่วยกันทำจะช่วยปกป้องได้ สติและปัญญาจะช่วยแยกแยะได้ว่าอะไรคือจริงอะไรคือเท็จ

สำคัญคืออย่ามีส่วนในการเติมพลังลบลงไปอีก บ้านเมืองร้อนมากพอแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติดี???