เมื่อวันที่ 26 พ.ค. มีรายงานจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองว่า จากการตรวจสอบประวัติ และข้อมูลย้อนหลังของ Mr.ZULQARNAIN HAIDER RAJA อายุ 35 ปี หรือ บังแจ็ค สัญชาติปากีสถาน พบว่าบังแจ็ค ถูกเคยตำรวจจับกุมดำเนินคดีข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรเกินกฎหมายกำหนด 450 วัน เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้หลังถูกจับ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งฟ้องต่อศาล และศาลมีคำสั่งเนรเทศออกนอกราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2559 และอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยได้อีกครั้งในวันที่ 24 ธ.ค. 2569 หรือ ครบ 10 ปี หลังถูกเนรเทศ อย่างไรก็ตาม หากบังแจ็ค จะเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทยได้ จะถูกควบคุมตัวจับตามหมายจับทันที

ทั้งนี้หากบังแจ็ค ปฏิบัติตามเงื่อนไขจะกลับเข้ามาประเทศไทยหลังครบ 10 ปี ตามคำสั่งเนรเทศ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาจหยิบยกพฤติการณ์ในอดีตของ บังแจ็ค ขึ้นมาพิจารณา และปฏิเสธการเข้าเมือง ตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง มาตรา 12 (7) ที่ระบุว่า มีพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคมหรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชนหรือความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หรือบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ

‘บิ๊กแจง’ ท้า ‘บังแจ็ค’ กลับไทย ลั่นตร.ไม่แพ้ชาติไหน ถ้ารู้ต้องอ้าปากค้าง

อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. ได้เปิดเผยบางช่วงบางตอนในรายการโหนกระแสว่า หากบังแจ็ค มีภาพมีคลิปทางคดีเอามาประกอบตามที่อ้าง ก็ให้มาพิสูจน์ จะโพสต์ทำไม แล้วถ้าคดีนี้พบว่าบังแจ็คผิด ก็จะทำเรื่องถึงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนตามขั้นตอน ซึ่งเชื่อว่าถ้าบังแจ็ครู้ว่าผมมีหลักฐานอะไรในมือ บังแจ็คต้องอ้าปากค้างอย่างแน่นอน.