เมื่อวันอังคารที่ 21 มิถุนายน เวลา 13.00 น. ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงาน คณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนน จัดกิจกรรม “หยุดสูญเสีย หยุดรถ ให้คนข้ามทางม้าลาย #ความดีที่คุณทำได้” ครั้งที่ 5ในโอกาสครบ5เดือนสูญเสียหมอกระต่าย พร้อมยื่นข้อเสนอเชิงนโยบาย ต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร “Smart City : เมืองปลอดภัย คนปลอดภัย” และมอบสื่อประชาสัมพันธ์ “ขอบคุณ ที่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย #ความดีที่คุณทำได้”

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา และประธานคณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา กล่าวว่า ใน กทม. พบผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเฉลี่ยสูงถึงปีละ 8-900 ราย ข้อมูลของ บ.กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด พบว่า ช่วง 4 เดือนของปีนี้ (มกราคม-เมษายน 2565) มีคนเดินถนนใน กทม.เสียชีวิต 28 ราย

นายสุรชัยกล่าวว่าได้ยื่นข้อเสนอให้กทม.3ด้านคือ1ด้านการบริหารจัดการโดย โดยกำหนดให้มีตัวชี้วัดเรื่องความปลอดภัยทางถนนในทุกเขต 2.ด้านมาตรการด้านถนนและทางม้าลายมาตรฐาน-ปลอดภัย 3.ด้านสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยและความรับผิดชอบร่วมกัน

รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่าที่ผ่านมาการรณรงค์เรื่องความปลอดภัยทางถนนเป็นไฟไหม้ฟาง 1-2เดือนแล้วหายไป ทั้งนี้ข้อเสนอ จะนำไปบรรจุในแผนดำเนินการ จและทำการวิเคราะห์สาเหตุอุบัติเหตุเพื่อจัดทำจุดเสี่ยงต่อไป โดยกทม.จะส่งผลงานการปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยทางถนนทุกเดือน ทั้งนี้กทม.มีทางม้าลายอยู่3,000กว่าแห่งในเบื้องต้น จะแก้ปัญหาทางกายภาพก่อน จะตัองมีไฟส่องสว่าง มีไฟกระพริบและจัดทำป้ายกำหนดความเร็วไม่เกิน30กม./ชม. โดยได้หารือกับ กองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว(บชน.) เพราะบชน.เป็นผู้มีอำนาจให้กทม.ปักป้ายได้ นอกจากนี้จะพิจารณาการทำทางข้าม โดยติดตั้งลิฟต์เพื่อรองรับการข้ามถนนของผู้สูงอายุด้วย อย่างไรก็ตามกทม.ตั้งเป้าการตายบนถนนเป็น0ภายใน4ปีโดยทำแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตามเรื่องความปลอดภัยบนถนนต้องทำแบบซอฟต์พาวเวอร์ด้วย คือการสร้างจิตสำนึกและรณรงค์

ด้านนางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า สสส. และมูลนิธิไทยโรดส์ ได้ติดตามสถานการณ์และสำรวจพฤติกรรมการหยุดรถบริเวณทางม้าลาย 12 จุดในกทม. และสำรวจพฤติกรรมการใช้ความเร็วบริเวณทางม้าลาย พบว่ามีถึง 79% ที่ใช้ความเร็วเกิน 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก่อนถึงทางม้าลาย เป็นรถจักรยานยนต์ถึง 90% รองลงมาคือรถยนต์และรถโดยสาร รวมถึงได้สำรวจพฤติกรรมเสี่ยงของกลุ่มผู้ขับขี่ไรเดอร์ในเขต กทม. พบว่า 38% ผ่าไฟแดง 11% ขับรถด้วยมือข้างเดียว ในขณะที่มืออีกข้างถือโทรศัพท์ หรือถือถุงอาหาร 1 ใน 3 หยุดรถบนเส้นทางม้าลาย 56% จอดล้ำทางม้าลาย-เส้นแนวหยุด กิจกรรมในวันนี้ได้ขยายความร่วมมือกับกลุ่มโรงเรียนในสังกัด กทม. เพื่อเน้นย้ำและสานต่อความตั้งใจสร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนกับกลุ่มเด็กและเยาวชน ทั้งนี้จะพัฒนาโมเดลต้นแบบใน 8 พื้นที่ชุมชนกทม.และโรงเรียนนำร่องสร้างกลไกความร่วมมือ