สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ว่านายเจฟฟ์ ไซเอนต์ส ผู้ประสานงานด้านการตอบสนองต่อโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวเมื่อวันจันทร์ ว่าในรอบ 7 วันที่ผ่านมา มีชาวอเมริกันได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มแรก ประมาณ 3 ล้านคน ทำให้สหรัฐสามารถบรรลุเป้าหมายให้ประชากรวัยผู้ใหญ่อย่างน้อย 70% ได้รับวัคซีนเข็มแรก 
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นผู้กำหนดเป้าหมายดังกล่าว ว่าชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ไม่น้อยกว่า 70% ของทั้งประเทศ ต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม ภายในวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันชาติ และสถิติที่ออกมายังหมายความว่า มีประชากรในสหรัฐอีกประมาณ 90 ล้านคนยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว และภาครัฐต้องการความร่วมมือจากคนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะในกลุ่มรัฐทางใต้ คือฟลอริดา และเทกซัส
ทั้งนี้ รายงานโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค ( ซีดีซี ) ระบุว่า ในรอบ 7 วันล่าสุด จนถึงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยโรคโควิดอยู่ที่วันละประมาณ 72,000 คน เพิ่มขึ้น 44% จากเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า และเป็นสถิติรายสัปดาห์ที่สูงกว่าช่วงวิกฤติที่สุด คือเมื่อช่วงฤดูร้อนของปีที่แล้ว 
ขณะที่อัตราการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น  41% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา และจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันในรอบ 7 วันล่าสุด อยู่ที่ประมาณ 300 ราย เพิ่มขึ้น 25% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ด้านพญ.โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซี กล่าวว่า การฉีกเข็มสามหรือบูสเตอร์ "ยังไม่แนะนำ" แต่ยืนยันว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังศึกษาข้อมูล และเน้นว่า ตอนนี้ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES