เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. จากรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กและติ๊กต๊อก โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า “สงสารพี่สาวมาก จัดงานแต่งแต่ผู้ชายไม่มา เคยเห็นแต่คนอื่น ไม่คิดจะเจอกับครอบครัวตัวเอง” ต่อมามีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ธารารัตน์ ไชยนามน” ซึ่งเป็นบุคคลในภาพได้แสดงความคิดเห็นว่า “เคยเห็นแต่ในข่าว เจอกับตัวเอง เจ็บโคตรๆๆๆๆๆ ค่ะ” โดยมีผู้เข้ามากดไลค์และแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยพบกับ น.ส.ธารารัตน์ ไชยนามน หรือน้องแพม อายุ 33 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบุคคลเดียวที่อยู่ในภาพ ก่อนเปิดเผยว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพงานแต่งงานของตนกับเจ้าบ่าวจริง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา เป็นภาพบรรยากาศการแต่งงานที่ไม่มีเจ้าบ่าวมาร่วมพิธี ส่วนสาเหตุนั้นเนื่องจากทางฝ่ายเจ้าบ่าว ไม่มาแต่งงาน ทราบว่าสินสอดไม่ครบ ตามที่ตกลงกันไว้ในวันที่มาสู่ขอและหมั้นหมาย

เจ้าสาว กล่าวต่อว่า ตนกับเจ้าบ่าวเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน พบรักกันที่กรุงเทพฯประมาณ 2 ปี ก่อนที่จะกลับบ้านทำพิธีหมั้นหมายตามประเพณี เมื่อวันที่ 2 ม.ค. สำหรับสินสอดที่ตกลงกันไว้คือ 149,999 บาท ทองหนัก 2 บาท โดยมอบให้ในวันหมั้นไว้ 1 บาท กำหนดจัดพิธีแต่งงานวันที่ 26 พ.ค. แต่ช่วงนั้นคนในครอบครัวติดโควิด-19 จึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 18 มิ.ย. ทั้งนี้ก่อนถึงวันแต่งงาน ก็มีการตระเตรียมทุกอย่างได้พร้อมสรรพ ทั้งจัดห้องหอ สถานที่ ของชำร่วยที่จะมอบให้กับญาติผู้ใหญ่และแขกที่จะมาร่วมงาน รวมทั้งว่าจ้างวงดนตรี ล้มวัว โต๊ะจีน รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 160,000 บาท

“ตนก็สอบถามทางเจ้าบ่าวตลอดว่า เงินสินสอดและทองพร้อมหรือยัง เจ้าบ่าวก็ยืนยันว่าพร้อมทุกอย่าง เงินครบทุกบาททุกสตางค์แล้ว แต่พอวันแต่งงานในช่วงเช้า ก็มีญาติทางเจ้าบ่าวมาพูดกับพ่อแม่ตนว่าเงินสินสอดไม่พอ ตอนนี้รวบรวมได้แต่ 15,000 เท่านั้น เมื่อได้ยินดังนั้น ตนและญาติทุกคนรู้สึกชาไปหมด ได้ยินญาติคุยกันว่าเมื่อเงินสินสอดไม่พอ ก็ไม่ต้องมาแต่ง” เจ้าสาว ระบุ

เจ้าสาว ยังกล่าวต่ออีกว่า เมื่อถึงฤกษ์มงคล เวลา 09.09 น. ที่จะเข้าพิธีแต่งงาน ตนแต่งตัวเจ้าสาวพร้อมแล้ว จึงเข้าพิธีสู่ขวัญบายศรี เหมือนเข้าพิธีแต่งงานตามประเพณี แต่เป็นการแต่งงานโดยไม่มีเจ้าบ่าว ขณะที่ตนเองรู้สึกเสียใจจนร้องไห้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แทนที่จะเป็นการสู่ขวัญบายศรีงานแต่งงาน กลับเป็นการสู่ขวัญปลอบใจงานแต่งที่ไร้เงาเจ้าบ่าว อย่างไรก็ตามหลังเหตุการณ์ทางเจ้าบ่าวไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย และต่อไปนี้ความสัมพันธ์ก็คงจะสิ้นสุดกัน ไม่มีวันหวนกลับมาคืนดีกันแน่นอน ซึ่งหลังเกิดเหตุตนก็ได้เดินทางไปแจ้งความสภ.นามน แต่ตำรวจบอกว่าให้ไปตกลงกันก่อน ซึ่งครอบครัวของตนขอเรียกร้องให้เจ้าบ่าวมาชดใช้ค่าจัดงานด้วย.