นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า หลังจาก รฟท. ได้รับรายงานแจ้งเหตุการณ์น้ำท่วมขังภายในอุโมงค์ลอดทางรถไฟ บริเวณ กม.347/14 ระหว่างสถานีชุมทางบัวใหญ่-หนองบัวลาย ต.บัวใหญ่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ช่วงคืนวันที่ 10 ก.ค.65 นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการ รฟท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามแก้ปัญหาสถานการณ์โดยทันที ทั้งนี้ได้รับแจ้งสาเหตุเบื้องต้นว่า เนื่องจากคืนดังกล่าว เป็นช่วงที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้พัดผ่าน ทำให้มีฝนตกหนักเป็นระยะเวลานานตลอดทั้งคืน ทำให้มีปริมาณน้ำฝนสะสมเป็นจำนวนมากเกินกว่าปกติ

นายเอกรัช กล่าวต่อว่า อุปกรณ์ที่ใช้ในการระบายน้ำ รวมถึงเครื่องสูบน้ำยังคงสามารถทำงานใช้การได้ดี และเร่งสูบระบายน้ำออกตลอดทั้งคืน แต่เนื่องจากในช่วงดังกล่าวมีปริมาณน้ำฝน ซึ่งตกลงมาต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน และมีปริมาณมาก จึงต้องใช้ระยะเวลาในการสูบน้ำออกจากอุโมงค์ จนกระทั่งในช่วงเช้าของวันเดียวกัน เวลา 08.00 น. สามารถสูบน้ำออกจากอุโมงค์ได้ทั้งหมด และเปิดให้ใช้เส้นทางได้ตามปกติ

นายเอกรัช กล่าวอีกว่า รฟท. ขอเรียนว่าเหตุดังกล่าวเป็นเหตุสุดวิสัย อันเป็นผลมาจากในคืนดังกล่าวที่มีฝนตกหนักกว่าปกติ จึงทำให้เกิดปริมาณน้ำฝนสะสมเป็นจำนวนมากในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว โดยระบบระบายน้ำ และเครื่องสูบน้ำภายในอุโมงค์ยังทำงานได้เป็นปกติ ไม่ได้เสียหายหรือชำรุดแต่อย่างใด รวมทั้งป้ายแจ้งเตือนระดับน้ำภายในอุโมงค์ ก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม รฟท. ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ว่า รฟท. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เร่งบูรณาการทำงานเชิงรุกอย่างเต็มที่ เพื่อติดตาม และเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัย ป้องกันไม่เกิดเหตุเช่นนี้อีก รวมถึงจะลงพื้นที่ตรวจสอบดูแลอุโมงค์ลอดทางรถไฟอื่นๆ ที่มีกว่าอีก 60 แห่งทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงเวลาฤดูฝนที่อาจเกิดฝนตกยาวนาน และมีปริมาณที่มาก

นายเอกรัช กล่าวด้วยว่า รฟท. ขอความร่วมมือให้ประชาชนผู้สัญจร เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะ บริเวณข้ามจุดตัดเสมอระดับทางรถไฟ-รถยนต์ หรืออุโมงค์ลอดทางรถไฟในช่วงที่เกิดฝนตกหนัก โดยให้สังเกตป้ายจราจร สัญญาณไฟเตือนต่างๆ รวมถึงป้ายแจ้งเตือนระดับน้ำภายในอุโมงค์ ซึ่งหากเห็นว่ามีระดับน้ำแจ้งเตือนถึงระดับสีแดง “ห้ามผ่าน” ควรหลีกเลี่ยงใช้เส้นทางอื่น เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง.