สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ว่า จากกรณีธนาคารท้องถิ่นหลายแห่งในมณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน อายัดเงินฝากของประชาชน ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทหลายแห่งไม่สามารถจ่ายเงินเดือนให้แก่พนักงานได้ ขณะที่ผู้คนทั่วไปไม่สามารถทำธุรกรรมได้เช่นกัน จนสถานการณ์บานปลายกลายเป็นการประท้วงและการปะทะอย่างดุเดือด ระหว่างมวลชนราว 1,000 คน กับตำรวจ บริเวณหน้าธนาคารประชาชนจีน ( พีบีโอซี ) หรือธนาคารกลางจีน สำนักงานเมืองเจิ้งโจว เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น


สำนักงานตรวจสอบการเงิน การธนาคาร และการประกันภัยแห่งมณฑลเหอหนาน ออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ยืนยันการเตรียมคืนเงินให้แก่ประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ โดยจะทยอยจ่ายเป็นงวด เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.ที่จะถึงเป็นต้นไป จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับมูลค่าความเสียหาย แต่สื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่า อาจสูงถึง 39,000 ล้านหยวน ( ราว 210,678.94 ล้านบาท )


ด้านสำนักงานตำรวจแห่งมณฑลเหอหนานออกแถลงการณ์เกี่ยวกับ การจับกุม “ผู้ต้องสงสัยกลุ่มหนึ่ง” ซึ่งเป็น “สมาชิกของแก๊งอาชญากรรมท้องถิ่น” ที่สามารถลักลอบเข้าสู่แพลตฟอร์มทางการเงินของบุคคลที่สาม เพื่อใช้เป็นช่องทางดำเนินธุรกรรมผิดกฎหมาย และควบคุมระบบของสถาบันการเงินท้องถิ่นหลายแห่งได้ในที่สุด


ขณะที่รายงานอีกกระแสระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจีนรับทราบสถานการณ์นี้มานานระยะหนึ่งแล้ว และยืนยันกับผู้ได้รับผลกระทบว่า “กำลังเร่งสอบสวน” พร้อมทั้งกำชับกับส่วนท้องถิ่นหลายแห่งว่า ไม่ต้องการให้เกิดการประท้วง เนื่องจากจะ “ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของพรรค”

อย่างไรก็ตาม ข้ออ้างของธนาคารว่า “กำลังปรับปรุงระบบ” และท้ายที่สุดบรรดาผู้ได้รับผลกระทบกลับได้รับ “รหัสแดง” ว่าไม่สามารถเดินทางข้ามเมืองและข้ามมณฑลได้เพราะสถานการณ์โรคโควิด-19 ยิ่งเพิ่มความกังวล และแรงกดดันอีกหลายเท่าให้แก่ประชาชน จนต้องพากันออกมาประท้วงในที่สุด.

เครดิตภาพ : REUTERS