สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ว่านางเจน ซากี โฆษกหญิงทำเนียบขาว กล่าวเมื่อวันพุธ ว่ารัฐบาลวอชิงตันพร้อมฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 "เข็มที่สาม" หรือ "บูสเตอร์" ให้แก่ประชาชน และพร้อมบริจาควัคซีนส่วนเกิน สำหรับการใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว ให้แก่นานาประเทศ "หากได้รับการอนุมัติ" จากหน่วยงานในสหรัฐ นั่นคือคณะกรรมการอาหารและยา "เอฟดีเอ" 
เมื่อมีการซักถามเกี่ยวกับคำกล่าวของ นพ.เทดรอส แอดนาฮอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) ซึ่งต้องการให้หลายประเทศระงับการฉีดเข็มสามออกไปก่อน ซากีให้ความเห็นเพียงว่า "เป็นทางเลือกที่ผิดพลาด" แต่ไม่ได้ขยายความ
ทั้งนี้ ก่อนการแถลงจากทำเนียบขาวเพียงไม่กี่ชั่วโมง นพ.เทดรอสเรียกร้องทุกประเทศซึ่งมีแผนฉีดวัคซีนเข็มที่สาม ให้ชะลอแผนการนั้นออกไปก่อน จนถึงสิ้นเดือน ก.ย.นี้ "เป็นอย่างน้อย" เนื่องจากดับเบิลยูเอชโอต้องการให้ทุกประเทศฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรของตัวเองอย่างน้อย 10% ก่อน 
ข้อมูลของดับเบิลยูเอชโอระบุว่า เฉพาะเดือน พ.ค.เพียงเดือนเดียว กลุ่มประเทศร่ำรวยฉีดวัคซีนให้แก่ประชากร 50 โด๊สในทุก 100 คนและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในเดือนต่อมา ในขณะที่อัตราแบบเดียวกันในกลุ่มประเทศยากจน อยู่ที่เพียง 1.5 โด๊สในประชากรทุก 100 คน
ท่าทีดังกล่าวของ นพ.เทดรอสถือว่า "ชัดเจนที่สุด" ในประเด็นการฉีดบูสเตอร์ ขณะที่บริษัทไฟเซอร์ ซึ่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ร่วมกับบริษัทไบโอเอ็นเทคของเยอรมนี กำลังวิ่งเต้นอย่างหนักเพื่อให้รัฐบาลวอชิงตันยอมรับแนวคิดการใช้บูสเตอร์.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES