หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี สิ้นชีพิตักษัยแล้ว เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2565 เวลา 03.00 น. ณ โรงพยาบาลศิริราช สิริชันษา 100 ปี

หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เป็นพระโอรสใน พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ องค์ต้นราชสกุล “รัชนี” ประสูติแต่หม่อมเจ้าพรพิมลพรรณ รัชนี (วรวรรณ) เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2464 (ศักราชแบบเก่า) และมีเจ้าพี่ร่วมพระมารดาหนึ่งพระองค์คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต เป็นพระปนัดดา (เหลน) ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (วังหลวง) และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว (วังหน้า) และเป็นพระนัดดา (หลาน) ในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ (กรมพระราชวังสถานมงคลพระองค์สุดท้าย) นับเป็นพระราชวงศ์องค์สุดท้าย ในสายกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)

หม่อมเจ้าภีศเดช ทรงจบการศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ และเสด็จไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ในวิทยาลัยดัลลิช (Dulwich College) โรงเรียนเอกชนในประเทศอังกฤษ ทรงจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านประวัติศาสตร์ กฎหมาย และเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงสมัครเป็นทหาร และเป็นสายลับของกองทัพอังกฤษ ระหว่างปี พ.ศ. 2485-2489 หลังสงครามได้เสด็จกลับประเทศไทย จากนั้นทรงงานในบริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย ทรงดำรงตำแหน่งผู้จัดการด้านโฆษณาจนถึงปี พ.ศ. 2505 จึงทรงลาออกมาประกอบธุรกิจส่วนองค์และช่วยพระราชกิจ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ทรงเป็นผู้ติดตามใกล้ชิดโดยเสด็จ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 มาตั้งแต่ครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระอนุชาธิราช ในรัชกาลที่ 8 และเคยดำรงตำแหน่ง “ประธานมูลนิธิโครงการหลวง” ตั้งแต่เริ่มโครงการจนกระทั่งชันษา 96 ปี เป็นเวลากว่า 40 ปี ที่ทำให้ชาวไทยภูเขามีอาชีพและรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและเพื่อการศึกษาการเพาะปลูกพืชและพันธุ์ไม้บนพื้นที่สูงอีกด้วย

นอกจากนี้หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ยังดำรงตำแหน่งนายกกิตติมศักดิ์สมาคมแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

ด้านชีวิตส่วนองค์ ม.จ.ภีศเดช รัชนี เสกสมรสกับ หม่อมราชวงศ์ดัชรีรัชนา รัชนี มีโอรสและธิดารวม 3 คน ได้แก่ ม.ร.ว.ดัจฉราพิมล รัชนี, ม.ร.ว.ภวรี สุชีวะ และ ม.ร.ว.ธีรเดช รัชนี

สำหรับกำหนดการพระราชทานน้ำหลวงอาบพระศพ และพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม วันที่ 24 ก.ค.2565 เวลา 17.00 น. พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 7 วัน ยกเว้นวันที่ 28 ก.ค.2565 ที่ศาลาบัณณรสภาค วัดเบญจมบพิตร การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์โดยตลอด