เรียกได้ว่าเป็นประเด็นดุเดือดมากสำหรับกรณีดราม่ามูลนิธิฯ กับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2565 หลังมีสาวผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ลงกลุ่มชุมทางทุ่งพร้อมข้อความว่า “ฝากถึงรถมูลนิธิสยามรวมใจนะคะ เวลาขอทาง ให้เวลารถคันหน้าดูรถทางซ้ายมือบ้างนะคะ ไม่ใช่คิดแต่จะจ่อตูดอย่างเดียว คิดถึงความปลอดภัยของคนอื่นเค้าบ้างไม่ใช่เอาแต่ความสะดวกของตัวเอง ถึงน้องจะรีบแค่ไหนด่วนแค่ไหน คิดถึงความปลอดภัยคนอื่นด้วยนะคะ” ภายหลังทำให้มีเหล่าบรรดาสมาชิกในกลุ่มแห่เข้าไปคอมเมนต์ติทางมูลนิธิฯ กันมากมายต่างเข้าใจว่าทางคนขับอาจไร้มารยาทในการใช้รถใช้ถนน บางคนก็เรียกร้องว่าต้องให้มีบทลงโทษนะเพราะเจอบ่อย

ต่อมาในวันเดียวกันก็มีหนุ่มผู้ใช้เฟซบุ๊ก @ปิยะพงษ์ สุขชนะ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตัวเอง โดยอ้างว่าเป็นประธานมูลนิธิสยามฯ นครศรีฯ ได้เล่าเปิดเผยข้อมูลเหตุดราม่าในครั้งนี้ว่า “ตามที่คุณพี่xxxx ได้ฝากข้อร้องเรียนมานั้น ซึ่งผมได้เป็นประธานมูลนิธิสยามฯ นครศรีฯ ได้ตักเตือนเจ้าหน้าที่ขับรถไปแล้ว 

ทางมูลนิธิฯ ได้สอบสวนถึงสาเหตุที่ได้ปรากฏทางสื่อโซเชียลแล้ว ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ ที่ประจำรถคันดังกล่าว ได้เดินทางไปรับผู้ป่วยวิกฤติ และในขณะเดินทางไปดังคลิปที่เผยแพร่อยู่ในขณะนั้น ได้มีรถเก๋งสีเขียวเจตนาและไม่ให้ความร่วมมือในการให้ทางรถกู้ชีพ จึงทำให้ล่าช้าต่อการไปช่วยเหลือผู้ป่วยเคสดังกล่าว เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็ปรากฏว่า ผู้ป่วยได้มีภาวะหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่พยายามช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตผู้ป่วยไว้ได้ #ผู้ป่วยเสียชีวิตในเวลาต่อมา #ทางมูลนิธิฯจึงขอแสดงความเสียใจมา ณ ที่นี้

กรณีภาพบันทึกเหตุการณ์ขณะปฏิบัติหน้านั้น ทางมูลนิธิฯ มีความจำเป็นจะต้องนำมาเผยแพร่ เนื่องจากมีการโพสต์ทางสื่อโซเชียล ชุมทางทุ่งสง ถึงการขับขี่รถกู้ชีพของมูลนิธิสยามฯ แต่คุณพี่เองก็เป็นผู้ช่วยเหลือคนไข้อยู่โรงพยาบาลทุ่งสง น่าจะเข้าใจเรื่องการช่วยเหลือผู้ป่วยดี ในกรณีป่วยอาการหนัก ทางมูลนิธิเองหากผู้ป่วยไม่อาการหนักจริงๆ ทางเราเอง คงไม่รีบร้อนขนาดนั้น ใจเข้าใจเราผมเข้าใจครับ #ช่วยพิจารณาตามความคิดของแต่ละท่านเองแล้วกัน”

โดยชายรายนี้ได้แนบคลิปกล้องหน้ารถ ขณะที่ทางทีมได้ขับรถไปรับผู้ป่วย เป็นภาพที่มีการขับรถจี้ตูดรถเก๋ง (สาวที่โพสต์) พร้อมประกาศออกเสียงว่าให้หลบทางหน่อย ต้องการไปช่วยเหลือคนป่วย แต่กลับไม่หลบทางให้ จึงทำให้คนขับทีมมูลนิธิฯ แซงซ้ายดังภาพที่ลงโซเชียล ต่อมาเป็นอีกคลิปหนึ่งที่ถูกถ่ายไว้เป็นกล้องในรถขากลับที่ได้รับผู้ป่วยมาแล้ว ซึ่งทางทีมได้มีการยืน CPR ผู้ป่วยอยู่หลายครั้ง พร้อมกับทรงตัวในขณะที่รถขับเร็วมากๆ แต่ทั้งนี้ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทัน

ภายหลังจากที่โพสต์ชายดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้เหล่าชาวเน็ตเสียงแตก ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ติการกระทำของสาวคนนี้ ที่ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ จึงทำให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตามยังไม่มีความเคลื่อนไหวล่าสุดของฝั่งผู้หญิงเลย…

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : @ปิยะพงษ์ สุขชนะ