เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวรวุฒิ กังแฮ หรือพี่วู้ดดี้ อายุ 53 ปี ที่ยึดอาชีพพนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งใน เกาะลันตา จ.กระบี่ มานานกว่า 30 ปี กลับกลายต้องตกงานเพราะพิษโควิด-19 มุ่งหน้ากลับบ้านเกิดใน ต.ท่าพญา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ใช้พื้นที่ว่างข้างบ้านเพียงแค่เนื้อที่ 30 ตารางวา ทำสวนภายใต้ชื่อ “สวนกล้วยด่างเมืองตรัง” ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 4 เดือน โกยรายได้เดือนละกว่า 1 ล้านบาท จึงเดินทางไปสอบถามเรื่องราวจากเจ้าของสวนดังกล่าว เมื่อไปถึงก็พบว่า ภายในสวนมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดโดยรอบอย่างมิดชิด

นายวรวุฒิ เปิดเผยว่า ตนเองทำงานโรงแรมมาประมาณ 30 ปี อยู่วงการโรงแรมมาตลอด แต่เป็นคนที่ชอบต้นไม้อยู่แล้ว แต่ในขณะที่ทำงานโรงแรม ก็ไม่มีเวลา จนกระทั่งเมื่อปี 63 ที่ผ่านมา เจอภาวะของโรคโควิด-19 ก็เลยหันมาสนใจต้นไม้ โดยต้นไม้ต้นแรกที่เลี้ยงก็คือต้นต้น “บัวบกโขด” โดยเลี้ยงไว้หลังห้องพักที่โรงแรม จนทำให้เจอเพื่อนฝูงในกลุ่มการปลูกต้นไม้ จากนั้นเลยหันมาปลูกกล้วยด่างก่อน และทำการศึกษาหาความรู้รวมทั้งสะสมเลี้ยงมาประมาณ 1 ปี เพราะก่อนหน้านี้ราคาไม่สูง แต่เราเลี้ยงเพราะความชอบ ไม่ได้คำนึงถึงว่าราคาจะสูง หรือจะตกต่ำ และอีกมุมหนึ่งก็ตั้งเป้าไว้ว่า อยากจะทำสวน เพื่อไว้ออกกำลังกาย ก็เลยตัดสินใจเออร์ลี่รีไทร์กลับมาอยู่บ้าน ก็ได้สะสมสมซื้อมาเรื่อยๆ ซึ่งราคาในขณะนั้น “ต้นกล้วยด่างอินโด” ราคาอยู่ที่ต้นละ 750 บาท ต้นกล้วยด่างฟลอริด้า ราคา 2,000 บาท

นายวรวุฒิ กล่าวต่อว่า เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา โควิดกลับมาระบาดอีกรอบก็คิดว่าวงการของโรงแรมคงไปต่อไม่ได้แล้ว ก็เลยตัดสินใจลองมาปลูกกล้วยด่าง เพราะขณะนั้นราคายังไม่แพง ก็พอที่จะมีทุนที่สามารถซื้อได้ โดยเริ่มที่ปลูกกล้วยด่างฟลอริด้า เพราะคนเล่นกล้วยด่างจะต้องมี และมีลายที่สวยงาม มีเอกลักษณ์โดยเฉพาะ และลูกก็ยังสามารถกินได้ และมุ่งมั่นทำการปลูกอย่างจริงจังมาประมาณ 4 เดือน ภายในสวนข้างบ้านเนื้อที่ 30 ตารางวา

ยุคโควิดในปัจจุบัน ตนไม่มีปัญหา ไม่เดือดร้อนในเรื่องการเงินเพราะกล้วยด่างจริงๆ โดยต้นกล้วยด่างฟลอริด้าที่ซื้อมาในราคา 2,000 บาท ตอนนี้ขายหน่อของกล้วยด่างฟลอริด้าอยู่ในราคา 70,000 บาท แค่ระยะเวลา 4 เดือน ราคากระโดดขึ้นเยอะมาก ส่วนกล้วยด่างแดงอินโดซื้อต้นแม่พันธุ์มาต้นละ 100,000 บาท จำนวน 1 ต้น ผ่านมา 4 เดือน ได้หน่อมาจำนวน 30 หน่อ และขายหน่อในราคามิตรภาพอยู่ที่หน่อละ 100,000 บาท ก็เป็นรายได้หลักในยุคโควิดที่จะสามารถช่วยได้ ส่วนรายได้พูดง่ายๆ เฉลี่ยอย่างน้อยอยู่ที่เดือนละ 1,000,000 บาท

สำหรับ “สวนกล้วยด่างเมืองตรัง” ที่เป็นจุดเด่นเลยก็คือ เรื่องบริการหลังการขาย เพราะตนเคยทำงานโรงแรมมาก่อน เลยมีการให้ความรู้สำหรับลูกค้ามือใหม่ ให้คำแนะนำ ที่ผ่านมาไม่เคยมีการขายหน้าเพจเลย มีการทักข้อความมาส่วนตัวเยอะ ลูกค้าได้ยินกันปากต่อปาก เพราะคนที่เคยซื้อกล้วยจากเราไปก็จะไปรีวิวกันต่อ เมื่อมีคนอื่นเห็นก็จะทักกันมาขอซื้อ ซึ่งอาจจะเป็นจุดเด่นของ “สวนกล้วยด่างเมืองตรัง” ถึงแม้จะเป็นสวนเล็กๆ แต่ก็สามารถสร้างรายได้ได้เยอะ และในขณะนี้มียอดการจองล่วงหน้าเยอะมากเกิน 20 หน่อ ราคาอยู่ที่หน่อละ 100,000 บาท

นายวรวุฒิ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาไม่เคยคิดและไม่เคยตั้งเป้าหมายไว้เลยว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ไม่เคยคิดที่จะทำเป็นธุรกิจจนสร้างรายได้ได้ขนาดนี้ เพราะขณะที่ลาออกจากงานโรงแรมก็คิดเพียงว่ากลับมาอยู่บ้านเพื่อพักผ่อน หาที่ไว้ออกกำลังกาย ดีกว่านอนเฉยๆ ในทุกวันนี้มีความสุขเป็นอย่างมาก ตื่นเช้ามาเดินจิบกาแฟในสวนกล้วย เดินเช็กดอกเบี้ยใต้ดิน คือต้นกล้วยที่แตกหน่อขึ้นมาแต่ละหน่อถือเป็นดอกเบี้ย และเป็นความสุข เป็นการใช้ชีวิตที่สโลว์ไลฟ์ และยังทำเงินให้ด้วย

นายวรวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนส่วนมากเจอภาวะเครียดจากโควิด ส่วนตัวมองว่า การปลูกต้นไม้ อยู่กับธรรมชาติ สามารถช่วยให้เราลดความตึงเครียดได้เยอะ ก็อยากชักชวนให้มาปลูกต้นไม้กัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องปลูกกล้วยด่าง อาจจะเป็นไม้อะไรก็ได้ เช่น ต้นบอน เพราะในขณะนี้ราคาถูก เริ่มเรียนรู้ ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ คิดว่าเป็นการช่วยลดความเครียดได้เยอะเหมือนกัน ซึ่งสวนของตน นอกจากจะมีต้นกล้วยด่างแล้ว ยังคงมีไม้ด่าง พวกตระกูลบอนกระดาษด่างดำ ด่างขาว บอนสี ต้นหูช้าง ตระกูลไม้ใบด่าง ฯลฯ รวมทั้งมีการผสมดินจำหน่ายด้วยเช่นกัน เพราะการปลูกต้นไม้ไม่ว่าจะชนิดไหนก็ตามเราจะให้ความสำคัญในเรื่องดินเป็นหลัก

“สวนกล้วยด่างเมืองตรัง ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านพรทวี เลขที่ 63/51 หมู่ 2 ต.ท่าพญา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ส่วนใครที่สนใจสามารถติดต่อพูดคุยได้ทางเพจเฟสบุ๊ก “สวนกล้วยด่างเมืองตรัง” เฟซบุ๊กส่วนตัว “Woody Sundowner” หรือหมายเลขโทรศัพท์ 09-1821-9144 นายวรวุฒิ กังแฮ อย่างไรก็ตาม อยากฝากเตือนว่า ขณะนี้ได้มีเพจปลอม สร้างเพจขึ้นมาเพื่อให้มีชื่อคล้องจองกับชื่อของตนเองรวมทั้งนำภาพต้นไม้ด่างของตน รวมทั้งภาพที่ติดใบหน้าของตนไปโพสต์ขาย มีลูกค้าหลงกลโอนเงินไปแล้วจำนวนหลาย จึงขอให้ดูดีๆ หากก่อนจะโอนเงิน ขอให้โทรศัพท์เข้ามาหาตนตามหมายเลขที่แจ้งไป และอีกอย่างเป็นการทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งอยู่ในระหว่างการเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมาย” นายวรวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย