นายประทีป เตชัย เจ้าของสวนพุทราในโรงเรือนปลูกแบบกางมุ้งปลอดสารเคมี ต.ฝายหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ปลูกพืชมาหลายอย่าง แต่ต้องประสบปัญหาภัยแล้ง จึงต้องหาพืชที่มีความทนทานและใช้น้ำน้อย จนไปพบกับต้นพุทราป่าที่ไม่ต้องรดน้ำก็อยู่ได้ จึงเลือกปลูกพุทราพันธุ์น้ำอ้อย ซึ่งเป็นพันธุ์จากไต้หวัน ในประเทศไทยยังไม่ค่อยมีใครสนใจปลูกมากนัก ลักษณะต้นเตี้ย หนามน้อย และทนแล้ง จุดเด่นคือให้ผลผลิตได้นานหลายปี ขนาดผลใหญ่รูปทรงเหมือนแอปเปิล เปลือกบางรสชาติหวานมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เนื้อกรอบฟูเหมือนสาลี่แต่จะละเอียดกว่า มีความฉ่ำน้ำ ไม่มีเมือกลื่นๆ เหมือนพุทราพันธุ์อื่น

โดยเลือกปลูกในโรงเรือนกางมุ้งตาข่ายแบบปิดเพื่อป้องกันแมลง ในพื้นที่ 2 ไร่ ยกพื้นเพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง จากนั้นทำการปลูกพุทรา จำนวน 200 ต้น  โดยให้ระยะห่างของต้น 2-3 เมตร เน้นปลูกด้วยวิธีชีวภาพ ไม่ใช้สารเคมี ใช้ชันโรงช่วยในการผสมเกสร นอกจากนั้นมีการวางระบบน้ำใกล้ต้นพุทราทุกต้น รดน้ำ 3 วัน/ครั้ง ประมาณ 8 เดือนก็จะเริ่มให้ผลผลิต เนื่องด้วยพุทราจะให้ผลผลิตเพียงปีละหนึ่งครั้ง และสามารถเก็บผลผลิตจำหน่ายได้ในช่วงเดือน ธ.ค.-มี.ค. ขณะนี้ปลูกมาแล้ว 4 ปี ผลผลิตประมาณ 4 ตันต่อปี ขายกิโลกรัมละ 250 บาท ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก เพียงโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Pt Tc” ก็มียอดสั่งซื้อมากกว่าวันละ 100 กิโลกรัม

ต้นพุทราจะมีลำต้นจะสูงใหญ่ กิ่งก้านที่กระจัดกระจาย และกิ่งชี้กระโดงมากมาย ดังนั้นในทุกๆ ปีหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว จะต้องทำสาวต้นพุทรา ด้วยการตัดแต่งกิ่งให้เหลือแต่ลำต้น โดยจะต้องตัดให้สูงจากพื้นดินประมาณ 40-50 เซนติเมตร เพื่อให้แตกกิ่งใหม่ เป็นการกำจัดโรคไปในตัว ภายใน 1 สัปดาห์จะเริ่มมียอดใหม่แทงออกมา ให้เลือกยอดที่สมบูรณ์ที่สุดไว้เพียง 2 ยอด โดยยอดที่เลือกไว้ จะต้องอยู่ในลักษณะตรงกันข้ามกัน จากนั้นจึงเริ่มดูแลเช่นเดียวกันกับในปีแรก

ข้อควรระวังของการปลูกต้องระมัดระวังแมลงศัตรูพืช โดยเฉพาะแมลงวันทอง ถ้าปลูกในโรงเรือนจะดูแลง่าย แทนการห่อผลที่มีผลผลิตมากจนห่อไม่ทัน ผลผลิตที่ได้จะใหญ่คล้ายกับผลแอปเปิล เฉลี่ย 8-10 ลูกต่อ 1 กิโลกรัม นอกจากการจำหน่ายผลสด ยังมีการจำหน่ายกล้าพันธุ์ เพื่อให้เกษตรกรที่สนใจนำไปปลูก เป็นทางออกของพื้นที่ที่มีความแห้งแล้ง ยินดีที่ให้คำปรึกษา สำหรับการทำการเกษตร โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 09-1840-6113