ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 9 ส.ค. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยใช้เวลาหารือประมาณ 45 นาที ต่อมาภายหลังการหารือเสร็จสิ้น นายวิษณุ เปิดเผยว่าสาเหตุที่เข้าพบ นายกฯ เนื่องจากมีข้อหารือ 2-3 เรื่อง ซึ่งมีเรื่องเกี่ยวกับการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูงระดับซี 11 ที่อยู่ในการกำกับดูแลของตน และรายงานเรื่องลงพื้นที่ จ.อุดรธานี ให้นายกฯ รับทราบด้วย แต่ไม่ได้พูดคุยเรื่อง วาระการดำรงตำแหน่งงนายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์

ส่วนประเด็นการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 10 ส.ค.เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.(ฉบับที่..) พ.ศ. … นายวิษณุ ชี้แจงว่าที่ประชุม ครม.ได้พูดคุยถึงเรื่องร่างกฎหมายลูกดังกล่าวและมีความเป็นห่วง หากองค์ประชุมไม่ครบจะทำให้พิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ได้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้พูดถึงเรื่องสภาล่ม แต่นายกฯ ขอให้วิปแต่ละฝ่ายไปประสานงานทำให้มันเรียบร้อย เมื่อถามย้ำว่าพรรคร่วมรัฐบาลได้กำชับกันหรือไม่ว่า ขอให้ ส.ส.โหวตเห็นชอบร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มี ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกที่วิปได้ตกลงกันแล้ว

นอกจากนี้ นายวิษณุ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ดำเนินการพิจารณายุบพรรคการเมืองขนาดเล็ก 7 พรรค รวมถึงพรรคการเมืองใหญ่บางพรรค ที่สนับสนุนให้เงินเดือน ส.ส.เข้าข่ายการครอบงำทางการเมืองว่า “เขาทำหรือไม่ทำก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะร้องก็สามารถร้องได้ถือเป็นสิทธิที่ต้องการทำให้เรื่องกระจ่างแจ้ง…ถ้าทำจริง ก็ถือว่าเป็นการครอบงำพรรคได้ ซึ่งมันต้องเริ่มต้นว่าถ้าทำ แต่ถ้ายังไม่มีเหตุอย่างนั้นก็ชี้ผลไม่ได้ ที่บอกว่ามีหลักฐาน เราก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเวลาที่พูดๆ กันทั่วไป กับเวลาที่ไปให้การจริง บางทีมันก็ไม่ค่อยจะเหมือนกัน”