จากกรณีคณะลูกศิษย์ของครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร พระเกจิชื่อดังในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และเป็นที่เคารพสักการะของชาวไทย เมียนมา ลาว ฯลฯ ได้นิมนต์ครูบาเดินทางออกจากวัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงกันข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อเดินทางไปทำการรักษาอาการอาพาธ หรือป่วยในฝั่งประเทศไทย กระทั่งมีข่าวลือว่าพาบินด่วนเข้ามารักษาตัวในกรุงเทพฯ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

สะพัด!คณะศิษย์แอบพา ‘ครูบาบุญชุ่ม’บินรักษาอาการอาพาธกรุงเทพฯแล้ว

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 11 ส.ค. มีรายงานรายละเอียดอาการอาพาธครั้งนี้ ว่า ภายหลังมีอาการแปลกๆ ทางลูกศิษย์และแพทย์ได้สันนิษฐานว่า ภายหลังครูบา ปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำมานานกว่า 3 ปี แล้วออกมาจากปฏิบัติธรรมก็ได้รับกิจนิมนต์อย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ไม่ได้พักผ่อนร่างกายอ่อนแอ กระทั่งเริ่มมีอาการแปลกๆ เกี่ยวกับอาการทางสมอง จนหวั่นเกรงว่าจะเป็นมาลาเรียขึ้นสมอง จึงจำเป็นต้องรีบนิมนต์มารักษาอาการอาพาธที่ฝั่งไทย เบื้องต้นแพทย์ฝั่งไทยในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ได้ทำการเจาะไขสันหลังมาเพาะเชื้อตรวจ ปรากฏว่าไม่พบเชื้อมาลาเรียอย่างที่เป็นกังวลแต่อย่างใด แต่เพื่อความสบายใจและมั่นใจ คณะศิษย์จึงนำตัวครูบาบุญชุ่ม เข้ามารักษาอาการอาพาธและให้ทีมแพทย์ทำการวินิจฉัยอาการอย่างละเอียดอีก ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผย เกรงว่าศิษยานุศิษย์ที่เป็นห่วงจะแห่กันมาแล้วไม่ได้พักผ่อน

อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากลูกศิษย์ใกล้ชิดระบุว่า เคยมีอาการลักษณะนี้เกิดขึ้นก่อนเมื่อครั้งที่ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร ออกจากถ้ำเพื่อมาแสดงธรรม หลังทำการปิดวาจา อีกทั้งก่อนหน้านี้ท่านได้ออกแสดงธรรมติดต่อกันเป็นเวลานาน 6-7 ชม.ต่อวัน คาดว่าอาจเกิดความดันในสมอง ประกอบกับในช่วงที่ปวารณาเข้าปฏิบัติธรรมกรรมฐานปิดวาจาภายในถ้ำซึ่งเป็นพื้นที่ปิดอากาศไม่บริสุทธิ์ มีความชื้นออกซิเจนไม่พอ สะสมกันมานาน จนเป็นต้นเหตุทำให้เกิดอาการอาพาธ แต่ที่เป็นห่วงคงเป็นเรื่องสมองมากที่สุด แพทย์จึงเน้นวินิจฉัยเกี่ยวกับสมองเป็นพิเศษ เบื้องต้นยังไม่พบอาการรุนแรง และครูบาบุญชุ่ม อยู่ในความดูแลของแพทย์และอาการปลอดภัยแล้ว เพียงอยากให้ตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจ