สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากเมืองแซงต์-เอสโคบิล ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ว่า นายยูเดส คุตเต และน้องชายของเขา เริ่มปลูกข้าวฟ่างเมื่อ 4 ปีก่อน แม้ธัญพืชชนิดนี้จะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในทวีปยุโรป แต่มันถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในส่วนอื่น ๆ ของโลก และสามารถเป็นวัตถุดิบสำหรับการอบขนมปลอดกลูเตน, คูสคูส หรือแม้แต่เบียร์ได้

“ข้าวฟ่างทำให้เกิดการเกษตรรูปแบบใหม่ และมีความยั่งยืนมากขึ้น เพราะมันช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรต่าง ๆ ได้” คุตเต กล่าว “เราต้องคิดถึงเกษตรกรรมในวันข้างหน้า และวิธีที่เราจะสามารถผลิตอาหารโดยไม่ต้องใช้น้ำในปริมาณมาก”

แม้ผลผลิตข้าวฟ่างจะได้รับผลกระทบจากความร้อนรุนแรงในปีนี้ ซึ่งคุตเต คาดว่า ผลผลิตจะลดเหลือ 3-4 ตันต่อเฮกตาร์ เทียบกับ 5-6 ตันต่อเฮกตาร์ในช่วงปีปกติ แต่ด้วยเรื่องจริงที่ข้าวฟ่างไม่ต้องใช้การทดน้ำจากแม่น้ำลัวร์, ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง และต้องการปุ๋ยเพียง 1 ใน 3 จากปริมาณที่ใช้กับข้าวสาลี ทำให้มันเป็นธัญพืชที่ “ได้เปรียบทางการแข่งขัน”

นายยูเดส คุตเต เกษตรกรชาวฝรั่งเศส นำสื่อมวลชนเยี่ยมชมไร่ข้าวฟ่าง ใกล้กับเมืองแซงต์-เอสโคบิล

อย่างไรก็ตาม ข้าวฟ่างในยุโรปยังคงเป็นตลาดเฉพาะอยู่ โดยนายวินเซนต์ บราอัค นักวิเคราะห์พืชผลจากบริษัทสแตรเทจี เกรนส์ กล่าวว่า ข้าวฟ่างได้รับความนิยมในยุโรปเมื่อช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ยังคงประสบปัญหาในการหาตลาด ซึ่งไม่ได้รับการพัฒนาเท่ากับตลาดเข้าโพดและธัญพืชอื่น ๆ

“แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อฤดูร้อนเริ่มร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เราสามารถคาดหวังได้ว่า เกษตรกรจะเริ่มปลูกข้าวฟ่างกันมากขึ้น เพื่อทดแทนข้าวโพดของพวกเขา” บราอัค กล่าว

ทั้งนี้ พี่น้องคุตเตกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อหาตลาดใหม่สำหรับพืชผลของพวกเขา และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ พวกเขาวางแผนที่จะทำงานร่วมกับหุ้นส่วนท้องถิ่น เพื่อพัฒนาเบียร์ข้าวฟ่าง, สเต๊กข้าวฟ่างมังสวิรัติ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ.

เครดิตภาพ : REUTERS