เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค กล่าวถึงกรณี ส.ว.ใช้อำนาจหน้าที่ในการฝากสาวเป็นข้าราชการตำรวจว่า ขณะนี้ต้องทำให้ความจริงปรากฏว่า เรื่องนี้มีข้อเท็จจริงอย่างไร แต่ทราบว่านายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้มอบหมายให้มีการตรวจสอบแล้ว แต่หากถามว่ากระทบกับระบบโดยรวมหรือไม่ ถือว่าเป็นภาพที่ทำลายระบบได้อย่างหนึ่ง เพราะสถาบันนิติบัญญัติเป็นสถาบันที่เป็นตัวแทนของประชาชน หากภาพเช่นนี้เกิดขึ้นก็จะทำให้ความเชื่อมั่น เชื่อถือลดลง โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เป็นช่วงที่เปราะบาง
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยากให้ทุกคนช่วยกัน ไม่อยากให้ปลาเน่าตัวเดียวอย่าให้เหม็นทั้งข้อง ต้องพิสูจน์ให้ได้ เรื่องนี้พรรค พท.ให้ความสำคัญ หลังจากเกิดเหตุขึ้นได้มอบหมายให้นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. ตั้งกระทู้ถามสด แต่คำตอบที่ได้รับก็เป็นไปตามระบบ ไม่ได้มีอะไรชัดเจนเกิดขึ้น สิ่งที่ซ่อนลึกอยู่ก็ยังไม่ได้รับการเปิดเผยขึ้นมา และทางที่จะเปิดเผยขึ้นมาได้ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติคือ คณะกรรมาธิการ (กมธ.)
นายประเดิมชัย คงจะนำเรื่องนี้เข้า กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่ท่านเป็น กมธ.อยู่ เรื่องนี้เกิดขึ้นในลักษณะของการแต่งตั้งบุคคลมาโดยไม่ชอบ มีการทำหน้าที่ที่ไม่ชอบ มีการใช้อำนาจหน้าที่ในการแต่งตั้งทหารหญิงมารับใช้ซึ่งถือเป็นการทุจริต หากสามารถสอบมาได้ก็จะคลายปมภาพลบของฝ่ายนิติบัญญัติ ว่าเราจริงจังจริงใจในการทำหน้าที่นี้

เมื่อถามว่า ทาง ส.ว.ควรมีกรอบในการสอบเรื่องนี้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า โดยข้อบังคับไม่มีเรื่องของกรอบเวลาขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง นายพรเพชรและผู้ที่ได้รับมอบหมายแต่งตั้งให้สอบข้อเท็จจริงก็คงจะทำหน้าที่ในการสอบให้เสร็จโดยเร็ว ส่วนจะเร็วแค่ไหนนั้น กลไกอยู่ที่วิธีการปฏิบัติของคณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้ง หากเรื่องนี้เป็นเรื่องด่วน ประธานคณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งให้สอบเรื่องนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะเรียกประชุมได้
นอกจากนี้ นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงท่าทีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการแทนนายกฯ อาจจะกำชับอำนาจเพื่อเตรียมการเลือกตั้งว่ามีหลายมุมมอง แต่ฝ่ายค้านพยายามมองในมุมมองที่เป็นไปได้กับข้อเท็จจริงที่ปรากฏ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งนายกฯ และ พล.อ.ประวิตร ขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทน ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่าหากนายกฯ พ้นจากตำแหน่งไป คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะต้องรักษาการบริหารราชการแผ่นดินอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ไปจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่เข้ามารับหน้าที่ต่อ
โดยตัวนายกฯ สามารถรักษาการต่อได้ แต่มีข้อยกเว้นในกรณีที่ครม.พ้นจากตำแหน่งไปและไม่สามารถรักษาการได้ เพราะมีความผิดทั้งคณะ เช่น กระทำผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ในการพิจารณางบประมาณแล้วถูกฟ้องและศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วว่าผิดจริง หรือจะเป็นในกรณีที่มีความผิดเฉพาะตัว เช่น นายกฯ อาจจะขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ในมาตรา 98 อีกกรณีคือ มีบทพิสูจน์ว่ามีความซื่อสัตย์สุจริตไม่เป็นที่ประจักษ์คือ การถูกฟ้องว่ามีผลประโยชน์แอบแฝง เอื้อประโยชน์ต่อนายทุนต่างๆ และการฝ่าฝืนจริยธรรม รวมถึงข้อห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี
เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงในช่วงที่นายกฯ รักษาการ อาจสามารถยุบสภาได้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า มีข้อถกเถียงอยู่ว่า มีอำนาจถึงขนาดนั้นหรือไม่ หาก พล.อ.ประวิตร รักษาการตามคำสั่งนายกฯ จะเป็นในส่วนที่มีนายกรัฐมนตรีอยู่ แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นการชั่วคราว ซึ่งมีคำสั่งเขียนไว้เช่น เรื่องงบประมาณ และเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายไม่สามารถทำได้ แต่มีหลายคนที่เถียงว่าทำได้ ซึ่งหากเป็นนายกฯ รักษาการ ตามที่กล่าวไปข้างต้น เขาสามารถทำได้ทุกเรื่อง ส่วนกรณีที่ตัวนายกฯ ยังอยู่ แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นการชั่วคราว ถ้าจะมาอาศัยช่วงจังหวะนี้ยุบสภาก็ยังเป็นข้อถกเถียงทางกฎหมายกันอยู่ หากยุบสภามีคนยื่นศาลรัฐธรรมนูญแน่
“เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ทำด้วย 1.ข้อกฎหมายที่ไม่ชัดเจน 2.ไม่มีเหตุแห่งการที่จะให้ยุบสภา และ 3.กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งยังไม่ประกาศใช้ หาก พล.อ.ประวิตร ประกาศยุบสภา ไม่เป็นผลดีกับรัฐบาลและประเทศแน่ มีแต่ความวุ่นวาย ไม่สามารถเลือกตั้งได้ เมื่อไม่สามารถเลือกตั้งได้ ก็จะเข้าสู่เรื่องของความขัดแย้ง ฉะนั้นเรื่องของการเตรียมการเลือกตั้งยังเดินหน้าต่อ” นพ.ชลน่าน กล่าว
เมื่อถามถึง กรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เตรียมหารือให้ฝ่ายค้านยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ ครม.พ้นตำแหน่งทั้งคณะ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้ฝ่ายค้านได้หารือกันก่อนที่นายมงคลกิตติ์จะออกข่าวมา แต่ที่ประชุมได้ตีตกไป เพราะเรื่องนี้อยู่ในศาลแล้วและศาลรับพิจารณาแล้ว สิ่งที่เราเรียกร้องคือการให้ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศว่าอยู่ในตำแหน่งครบวาระแล้ว ขอออกจากตำแหน่ง ซึ่งก็ไม่ประกาศ และในวันที่ 24 ส.ค.65 ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นการบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ในตำแหน่ง เมื่ออยู่ในตำแหน่ง การที่เราจะไปยื่นให้ศาลวินิจฉัยความชอบด้วยกรณีขาดคุณสมบัติ และให้พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ เรามองว่ายังไม่มีเหตุและหากยื่นไปศาลก็ไม่รับ