เมื่อวันที่ 8 ต.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “ศรีสุวรรณ จรรยา” ในหัวข้อ ศรีสุวรรณสับอนุทินมุ่งแต่กัญชาเสรีละเลยการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด? โดยระบุว่า สมาคมฯ ได้ทำหนังสือจี้ไปยังนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี ขอให้เพิ่มมาตรการและงบประมาณในการรองรับผู้ที่ติดยาเสพติด เพื่อช่วยบำบัดและฟื้นฟูผู้ที่หลงผิดจะโดยเจตนาหรือผิดหลง มิให้อยู่ในวังวนของปัญหายาเสพติดอีกต่อไป อันอาจจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมเฉกเช่นการกราดยิงที่หนองบัวลำภูได้

ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด 2564 ซึ่งประกาศใช้เมื่อ 8 พ.ย.64 ได้กำหนดให้ผู้ที่เสพติดยาเสพติด ให้ถือว่าเป็นผู้ป่วย ที่ภาครัฐจะต้องดูแล บำบัดและฟื้นฟูให้พวกเขาเหล่านั้น หลุดพ้นออกมาจากวงจรยาเสพติดให้จงได้ อันเป็นบทบาทหน้าที่ของภาครัฐที่จะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง

กรณีดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 339/2564 ลงวันที่ 17 ธ.ค.64 มอบหมายให้รองนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะกรรมการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด แต่ทว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ยังไม่ปรากฏต่อสาธารณะถึงมรรคผลในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาที่หมักหมมเกี่ยวกับผู้ที่ติดยาเสพติดอย่างเรื้อรัง ทั้งในแวดวงข้าราชการ คนงาน และในสถานศึกษาแต่อย่างใด มัวแต่ไปมุ่งเน้นส่งเสริมกัญชาเสรีเสียเป็นส่วนใหญ่เกินไปหรือไม่

ล่าสุด หลังเกิดกรณีกราดยิ่งที่หนองบัวลำภูนายกรัฐมนตรีจำต้องออกมาสั่งการให้นโยบายใหม่ว่า “ให้สำรวจทุกตำบล ทุกชุมชน คนติดยาเสพติดจะต้องขึ้นทะเบียนนำไปสู่การบำบัดรักษา ส่วนคนขายนายทุน ต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดตามกฎหมาย รวมทั้งการยึดทรัพย์ด้วย”

คำสั่งการนายกฯ ดังกล่าว ไม่อยากให้เลื่อนลอย ควรให้มีกรอบเวลากำกับจะได้ทำกันจริงจัง และควรกำหนดวิธีการจัดการปัญหาที่เป็นขั้นเป็นตอนให้ชัดเจนซึ่งรวมทั้งการยึดทรัพย์ผู้ค้า/นายทุนก็เห็นด้วยแต่ควรเป็นขั้นตอนสุดท้าย และต้องไม่มีการจับแพะฆ่าทิ้งตัดตอนปิดปากอย่างเด็ดขาด

เริ่มแรกเสนอให้สำรวจผู้เสพยาในกลุ่มหน่วยงานตำรวจและทหารทั่วประเทศก่อนให้เสร็จใน 1 เดือน ตรวจสอบจัดการเจ้าหน้าที่รัฐผู้บังคับใช้กฎหมายให้สะอาดก่อนจะได้ไม่ไปยัดยาเพื่อรีดไถใคร และอบรมเพาะบ่มนิสัยดีก่อนไปทำงานปราบยา สังคมจะได้พอเห็นความหวังบ้าง จัดการปัญหาให้เสร็จสิ้นตามที่พูด แลัวเดือนที่ 2 ขยายผลไปสำรวจพนักงานเจ้าหน้าที่รัฐที่เหลือทั้งหมดให้เสร็จแล้วก็จัดการแก้ปัญหาให้จบ ส่วนที่เหลือคือกลุ่มประชาชนสำรวจและแก้ปัญหาให้จบใน 1 เดือน รวม 3 กลุ่มใช้เวลา 3 เดือน ถ้าทำจริงคงสำรวจเสร็จแน่นอน เพราะแต่ละหน่วยงานรู้แล้วว่าใครเสพ จะได้นำไปบำบัดฟื้นฟู

ส่วนประชาชนก็ต้องขอความร่วมมือจากครอบครัวและชุมชน เชื่อว่าคงได้รับความร่วมมือดีแน่นอน เพียงแต่อย่าปากว่าตาขยิบเท่านั้น นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด