เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีชาวบ้านในพื้นที่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินในบัญชีธนาคารไปจนเกลี้ยง ซ้ำยังเข้าไปทำธุรกรรมกู้เงินของธนาคารไปอีกด้วย สูญเงินไป 2,263,778.55 บาท ตอนนี้ทุกข์ใจหนักมาก สูญเงินหมดตัวและยังต้องมาเป็นหนี้ธนาคารอีกล้านกว่าบาท

นางสาวดวงพร พันธ์เขียน อายุ 35 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 ต.คอกควาย อ.บ้านไร่ เล่าว่า วันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีโทรศัพท์เข้ามาบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร แจ้งว่าร้านขายส่งเหล้า บุหรี่ ของพ่อตนเอง ที่อยู่ในพื้นที่ อ.ลานสัก ยังคาอยู่ในระบบ ซึ่งร้านดังกล่าวเป็นร้านเก่าที่พ่อของตนนั้นปิดไปแล้ว แต่ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็แจ้งกลับมาว่า แต่มันยังอยู่ในระบบให้ตนเข้าไปกรอกรายละเอียดเพื่อให้ทางกรมสรรพากรดึงข้อมูลร้านค้าเก่าออกให้ ก่อนจะให้แอดไลน์ของกรมสรรพากร ตอนแรกตนก็ไม่เชื่อ แต่พอแอดไลน์ไปเป็นรูปสัญลักษณ์ของสรรพากร และคำพูดของคนที่โทรฯมาดันไปตรงกับคำพูดของเจ้าหน้าที่ในกรมสรรพากร ที่เคยพูดกับเราเมื่อครั้งที่ไปเสียภาษีเมื่อครั้งที่ผ่านมา

จากนั้นตนก็เข้าไปกรอกข้อมูลชื่อ นามสกุล เบอร์โทร ในไลน์สรรพากร แต่ไม่ได้ให้เลข 13 หลัก และทางนั้นก็แจ้งกลับมาว่า ให้เข้าไปที่ตั้งค่าภายในเครื่องและอนุญาตให้เข้าถึงแอพที่ไม่รู้จัก พอตนเองทำตามที่แจ้งไปแล้วนั้น หน้ามือถือของตนเองก็ขึ้นรหัสหน้าแอพพลิเคชั่น ดังกล่าว มา 6 หลัก แก๊งคลอเซ็นเตอร์ก็ให้ตนเองแจ้งว่ามีเลขอะไรบ้าง จากนั้นตนเองก็ทำการแจ้งไป รออยู่สักพักประมาณ 2 นาที และพยายามกดมือถือจนกลับมาใช้งานปกติได้ ก็รีบเข้าไปดูเงินในบัญชีธนาคารทันที ก็พบว่าเงินที่มีอยู่ในบัญชี 932,801 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ใช้หมุนเวียนขายของนั้นหายไปเกลี้ยงบัญชี

และตนยังมีอีกบัญชีเป็นเงินที่ใช้กู้ลอยไว้ผ่านบัตรเครดิตเพื่อเอาไว้ใช้ฉุกเฉินเวลาลงของ ซึ่งตนเองไม่ค่อยได้ดึงมาใช้เพราะเสียดอกค่อนข้างสูงก็ได้ถูกแก๊งคลอเซ็นเตอร์นี้แปรจากเงินกู้โอนมาเป็นเงินสดโอนเข้ามาภายในบัญชีของตน ก่อนทำการโอนไปที่บัญชีอื่นทันที ด้วยกัน 2 ยอด ยอดแรก 994,977.40 บาท และยอดที่สองอีกจำนวน 336,000 บาท ซึ่งทั้ง 2 ยอดนั้น ไม่เคยมีการแจ้งเตือนหรือมีเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรศัพท์มาสอบถามตนเองเลยว่าได้เป็นคนทำธุรกรรมดังกล่าวนี้หรือไม่

หลังรู้ตัวว่าถูกหลอกตั้งสติได้ก็รีบโทรศัพท์ไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ธนาคารให้ช่วยอายัดบัญชีดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ทำการตรวจสอบข้อมูลและแจ้งว่า เงินในบัญชีดังกล่าวถูกโอนย้ายไปบัญชีต่างธนาคารจนหมดแล้ว ซึ่งเกินอำนาจหน้าที่ของธนาคารที่จะไปทำการอายัดบัญชีต่างธนาคารให้ได้ และแนะนำให้ตนเองไปแจ้งความเพื่อดำเนินการแทน ตนก็ไปแจ้งความที่ สภ.ลานสัก ที่อยู่ใกล้ทันที ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รับแจ้งความและช่วยดูข้อมูลบัญชีเบื้องต้นให้ตนเองทันที ซึ่งหลังจากตรวจสอบบัญชีที่ถูกโอนเงินไปนั้นพบว่าเป็นบัญชีม้าของหญิงสาวอายุ 16 ปี อยู่ใน จ.สระบุรี

จากนั้นตำรวจ สภ.ลานสัก ก็ได้แนะนำให้ตนเองไปแจ้งความที่ สภ.บ้านไร่ ท้องที่เกิดเหตุ และแจ้งความตำรวจไซเบอร์ ซึ่งนัดคิววันที่ 8 พ.ย.นี้ ตอนนี้ตนร้อนใจมาก อยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามช่องทางการเงินดังกล่าวให้เร็วที่สุด ยังมีความหวังน้อยนิดว่าจะได้เงินคืนมาบ้าง ทุกข์ใจมากที่ตอนนี้เงินก็หมดตัว และยังต้องเป็นหนี้ธนาคารอีกล้านกว่า ตนเองก็เป็นโรคหัวใจ ต้องใช้เงินซื้อยานอกกินรักษาตัว ตอนนี้ทุกข์ใจมากๆ.