ดีน กิลเสลพี วัย 57 ปี ชาวโอไฮโอ ฟ้องร้องหน่วยตำรวจเขตไมอามี ทาวน์ชิพ และอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สก็อตต์ มัวร์ ในคดีเกี่ยวกับการใช้หรือได้มาซึ่งหลักฐานในคดีอาชญากรรมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และแทรกแซงการชี้ตัวของพยานในคดีข่มขืนและลักพาตัวเมื่อปี 2534 ซึ่งมีการระบุตัว กิลเลสพี เป็นผู้ต้องสงสัย

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา ศาลรัฐบาลกลางตัดสินให้เขาชนะคดีและได้รับเงินชดเชยจำนวน 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,613 ล้านบาท) ซึ่งกลายเป็นเงินชดเชยที่มีจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยมีการฟ้องร้องกันระหว่างพลเรือนและหน่วยงานราชการในหน้าประวัติศาสตร์ของรัฐโอไฮโอ

กิลเลสพี โดนกล่าวหาจาก 2 คดีในปี 2534 ว่า เขาเป็นคนข่มขืนพี่น้องฝาแฝดสาวและหญิงสาวอีก 1 ราย ซึ่งศาลเขตมอนต์โกเมอรี เคาน์ตี ตัดสินว่า เขามีความผิดและต้องรับโทษจำคุก

กิลเลสพี ได้รับการปล่อยตัวออกมาเมื่อปี 2554 ด้วยความช่วยเหลือจากทีมงาน ‘The Ohio Innocence Project’ แห่งคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยซินซินเนติ โดยการนำของ จิม เพโทร อดีตอัยการสูงสุดจากโอไฮโอและ จูเลียนา กิลเลสพี แม่ของเขาเอง

ดีน กิลเลสพี

กิลเลสพี ยืนยันมาโดยตลอดว่าเขาไม่ใช่ผู้กระทำผิด เมื่อถึงปี 2564 ผู้พิพากษาประจำศาลมอนต์โตเมอรี เคาน์ตี ประกาศว่าเขาโดนจำคุกทั้งที่ไม่มีความผิด โดยก่อนหน้านั้นทีมลูกขุนในการพิจารณาคดีแพ่งโดยศาลรัฐบาลกลางพบว่า นักสืบมัวร์ ละเมิดสิทธิของ กิลเลสพี โดยซ่อนหลักฐานบางส่วนที่สามารถช่วยให้ กิลเลสพี หลุดพ้นจากข้อกล่าวหา ซึ่งทำให้จำเลยได้ไม่ได้รับความยุติธรรมตามกระบวนการ

นักสืบมัวร์ ยังอ้างว่ามีพยานชี้ตัว กิลเลสพี ว่าเป็นผู้ต้องสงสัย ทั้งที่พยานหญิงรายนั้นไม่เคยพูด รวมทั้งพูดในเชิงชี้นำกลุ่มผู้เสียหายว่าพวกเธออาจจำ กิลเลสพี ในศาลไม่ได้ เพราะเขาย้อมสีผมใหม่ นอกจากนี้ ยังพบว่าหลักฐานที่ชี้ชัดว่า นักสืบมัวร์ไม่ยอมเปิดเผยใบเสร็จรับเงินการใช้สถานที่ตั้งแคมป์ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่า กิลเลสพี อยู่ในรัฐเคนทักกี เมื่อตอนที่เกิดเหตุข่มขืน อีกทั้งไม่มีหลักฐานเชิงชีวภาพที่สามารถเชื่อมโยงตัว กิลเลสพี เข้ากับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นทั้งสองคดี

ปัจจุบัน กิลเลสพี อาศัยอยู่ในย่านแฟร์บอร์น ชานเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ นอกจากนี้ ภรรยาของเขาและ เพโทร ยังร่วมกันเขียนหนังสือเกี่ยวกับการฟ้องร้องและจำคุกผิดตัวในครั้งนี้ด้วย

ส่วนทางนักสืบมัวร์และหน่วยตำรวจไมอามีทาวน์ชิพ ยังไม่มีแถลงการณ์ใด ๆ หรือประกาศว่าจะยื่นขออุทธรณ์ต่อศาลหรือไม่

แหล่งข่าว : usatoday.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, The Enquirer