เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาคดีที่สยามสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.), ผู้อำนวยการสำนักโยธา กทม. และผู้อำนวยการเขตวัฒนา ในกรณีที่ออกใบอนุญาตให้บริษัทบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด ก่อสร้างโครงการอาคารคอนโดมิเนียม แอชตัน-อโศก ถนนสุขุมวิท21 (อโศกมนตรี) เขตวัฒนา กทม. โดยไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่กำหนดให้อาคารก่อสร้างที่มีพื้นที่ใช้สอย 30,000 ตารางเมตรขึ้นไปต้องติดถนนสาธารณะ ที่มีความกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร และการก่อสร้างโครงการดังกล่าวยังทำให้เรือนคำเที่ยง ซึ่งเป็นเรือนไทยอนุรักษ์ ของสยามสมาคมฯ ได้รับความเสียหาย

ศาลปกครอง พิพากษาสรุปว่า ผู้ว่าฯ กทม., ผู้อำนวยการสำนักโยธา กทม. และผู้อำนวยการเขตวัฒนา มิได้ตรวจสอบตามข้อร้องเรียนของสยามสมาคมฯ จนกระทั่งบริษัทเอกชนดังกล่าว ก่อสร้างคอนโดมิเนียมจนแล้วเสร็จจึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ตามที่ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522

แต่เนื่องจากปัจจุบัน โครงการดังกล่าวได้มีการโอนขายให้แก่ประชาชนไปแล้วจำนวน 668 ห้อง จากการก่อสร้างห้องพักอาศัยจำนวนทั้งสิ้น 783 ห้อง จึงสมควรที่ผู้ว่าฯ กทม, ผู้อำนวยการสำนักการโยธา, ผู้อำนวยการเขตวัฒนา, บริษัทเอกชน และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ไปร่วมปรึกษาหา เพื่อทำให้ที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของอาคารพิพาทเป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ที่ได้กำหนดไว้ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด แต่หากไม่สามารถแก้ไข ให้รื้อถอนอาคารเฉพาะส่วนที่ก่อสร้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายพิสุทธิ์ รักวงษ์ ทนายจากนิติบุคคลอาคารชุดแอชตัน กล่าวว่า พอใจกับคำพิพากษาบางส่วน เพราะลูกบ้านจำนวน 600 กว่าห้องได้เข้าไปอาศัยในคอนโดแล้ว ถ้าไม่เปิดโอกาสให้หน่วยงานราชการร่วมกับเอกชน เข้าแก้ปัญหา ก็จะไม่เกิดความเป็นธรรมกับลูกบ้านทั้งหมด ซึ่งจะเกิดความเดือดร้อนเสียหายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทั้งนี้ตนจะได้นำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับเจ้าของร่วม ว่าจะยื่นอุทธรณ์ตามระยะเวลากรอบกฎหมายกำหนดหรือไม่ อันนี้ยอมรับว่าคำพิพากษาของศาลในครั้งนี้ส่งผลดีต่อต่อลูกบ้าน เพราะไม่ต้องรื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างไปแล้ว

ตัวแทนจากบริษัทอนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัดเปิดเผยว่า คดีนี้ต้องรอคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดอีกทีหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ลูกบ้านยังดำเนินธุรกรรมได้ตามปกติเพราะคำพิพากษาของศาลปกครองกลางไม่ได้มีผลผูกพันใช้บังคับ และยังไม่ถึงที่สุดส่วนที่ศาลให้หารือกันเพื่อหาทางออกนั้น คงต้องรอทางทีมงานก่อนว่าจะตัดสินอย่างไรและต้องไปศึกษาคำพิพากษาด้วยก่อน.