ความพ่ายแพ้ของทีมชาติเยอรมนี ต่อ ทีมชาติญี่ปุ่น ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่มันมาจากการวางแผนเตรียมทีมอย่างยาวนาน ความสามัคคีรวมใจกันทำงานหนัก และการปฏิบัติตามแผนการที่โค้ชสั่งอย่างเคร่งครัด ของทีมจากแดนอาทิตย์อุทัย

แต่ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ “อินทรีเหล็ก” ที่ดูจะผุกร่อน ไร้เรี่ยวแรง และเต็มไปด้วยปัญหา ซึ่งแน่นอนว่า ถึงแม้ ญี่ปุ่น จะอันตรายขึ้นทุกวัน แต่เทียบชื่อชั้นแล้ว ยังไง เยอรมนี ก็เหนือกว่าเยอะ แถมได้ประตูขึ้นนำไปก่อน แต่กลับรักษาสกอร์ไม่ได้ โดนยิงแซงจนแพ้ไปในที่สุด

ทำให้ตอนนี้ ทีมแชมป์โลก 4 สมัย สุ่มเสี่ยงมากที่จะตกรอบแรก “เวิลด์คัพ” เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน เพราะในนัดที่ 2 ซึ่งเป็นเกมที่ “ห้ามแพ้เด็ดขาด” พวกเขาต้องเจองานหนักกับ กระทิงดุ” สเปน ที่นัดแรก ดาวหน้าถล่ม คอสตาริกา ถึง 7-0 นักเตะหนุ่มทุกคนในทีมกำลังห้าว และมั่นใจเต็มขีด

แต่ยี่ห้อ “เมด อิน เยอรมนี” แสดงให้เราเห็นหลายครั้งว่า พวกเขามีสิ่งพิเศษแสดงออกมาเสมอเมื่ออยู่ในสถานการณ์คับขัน และจะไม่มีวันยอมแพ้ จนกว่าจะสิ้นเสียงนกหวีดยาวของการทดเวลา “อินทรีเหล็ก” จะกลับมาได้หรือไม่ หรือต้องตกรอบอย่างน่าอับอายอีกครั้ง ลุ้นกันให้ดี!

ฟุตบอลโลก 2022 รอบแรก กลุ่ม E

สเปน – เยอรมนี

วันที่ : อาทิตย์ที่ 27 พ.ย. 65

เวลา : 02.00 น.

สนาม : อัล เบย์ต สเตเดี้ยม

ถ่ายทอดสด : เนชั่นทีวี, ทรูสปอร์ต 2

สเปน

“กระทิงดุ” โชว์ฟอร์มสุดยอดในนัดแรก เมื่อถล่ม คอสตาริกา 7-0 มี 3 คะแนนเต็ม พร้อมนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม ด้วยประตูได้-เสียที่ดีกว่า ญี่ปุ่น เกมนี้ หลุยส์ เอ็นริเก กุนซือหนุ่ม ไม่มีปัญหานักเตะเพิ่มเติม และเตรียมจัดชุดใหญ่ลงเล่น โดยคาดว่าจะยึดชุดที่ชนะ คอสตาริกา เป็นหลัก

นายทวารยังใช้ อูไน ซิมอน กองหลังมี โรดรี ถอยลงมายืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ อายเมริค ลาปอร์ก ต่อไป โดยมี เซซาร์ อัซปิลิกวยตา และ จอร์ดี อัลบา เป็นแบ๊ก 2 ข้าง แดนกลาง เซร์คิโอ บุสเกตส์ ทำเกมกับ 2 สุดยอดดาวรุ่ง กาบี และ เปดรี ต่อไป และ 3 ตัวรุกใส่ เฟร์ราน ตอร์เรส, มาร์โก อเซนซิโอ และ ดานี โอลโม ลงล่าตาข่าย

เยอรมนี

“อินทรีเหล็ก” เสียฟอร์มแชมป์โลก 4 สมัย หลังประเดิมสนามแพ้ ญี่ปุ่น 1-2 ทำให้ยังไม่มีคะแนน และสุ่มเสี่ยงจะตกรอบแรกฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน เกมนี้ ฮันซี ฟลิค กุนซือมากฝีมือ จึงต้องเน้นเต็มที่ เพราะเป็นเกมที่พลาดไม่ได้ ถ้าหากแพ้ มีโอกาสตกรอบสูง อย่างน้อยต้องเสมอให้ได้

ฟลิค อาจจะเปลี่ยนทีมหลายตำแหน่ง แต่ยังยึดผู้เล่นชุดเดิมเป็นแกน และข่าวดีคือไม่มีใครเจ็บเพิ่ม และอาจจะได้ ลีรอย ซาเน กลับมาสู่ทีม โดยผู้รักษาประตูยังใช้ มานูเอล นอยเออร์ แดนหลัง อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ยืนเซ็นเตอร์คู่กับ นิโก ชลอตเตอร์เบค โดยมี เดวิด รวม กับ นิคลาส ซือเล่ เป็นแบ๊ก

แดนกลาง โจชัว คิมมิช กับ อิลคาย กุนโดกัน ประจำการ โดยมี จามาล มูเซียลา, แซร์จ นาบรี และ ลีรอย ซาเน ทำเกมรุกอยู่ด้านหลัง ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่ต้องขึ้นไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าอีกครั้ง

ความน่าจะเป็นของเกม

เจอกันช่วงหลัง สเปน ไม่เป็นรอง ในเวิลด์คัพ 2010 ที่แอฟริกาใต้ เจอกันในรอบรองชนะเลิศ “กระทิงดุ” ก็เฉือนชนะ 1-0 ก่อนก้าวไปคว้าแชมป์โลก ส่วนเกมล่าสุดที่เจอกันในยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อ 2 ปีก่อน สเปน ถล่มถึง 6-0 และไม่แพ้ เยอรมนี 3 เกมติดต่อกัน

ดังนั้น เมื่อรวมกับฟอร์มในนัดแรกที่ต่างกันมาก ต้องยอมรับว่า อินทรีเหล็ก งานหนักจริงๆ ยิ่งมาเจอ สเปน ที่กำลังมั่นใจ ทำให้ทีมกระทิงหนุ่มจะวิ่งไล่บดใส่ เยอรมนี จนเล่นไม่ถนัด และอาจจะถึงแพ้อีกนัดก็เป็นได้ ถ้าหากว่าไม่งัดอะไรพิเศษออกมาโชว์จริงๆ

ผลที่คาด

สเปน ชนะ เยอรมนี 2-1