ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่า หลังจากมีความกังวลต่อการที่ผู้ให้บริการกล่องไอพีทีวีหลายราย ได้อ้างประกาศ Must Carry (มัสต์ แคร์รี่) และดำเนินการแพร่ภาพสัญญาณการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย (FIFA World Cup Final 2022) ที่ประเทศกาตาร์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสิทธิในลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และจะส่งผลกระทบถึงโอกาสในการรับชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ในประเทศไทย นั้น

“กลุ่มทรู” ในฐานะผู้ได้รับสิทธิในการเผยแพร่การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ในระบบ IPTV และระบบ OTT ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่ประการใด จึงได้ดำเนินการปกป้องสิทธิตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา โดยได้ยื่นฟ้องผู้ให้บริการทีวีอินเทอร์เน็ตรายหนึ่ง ที่ให้บริการผ่านกล่อง AIS PLAYBOX ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์เป็นการชั่วคราวด้วย

ล่าสุด เมื่อช่วงค่ำวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ได้มีคำสั่งห้าม บริษัท ซุปเปอร์ บรอดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด (SBN) ผู้ให้บริการ AIS PLAYBOX แพร่เสียงและแพร่ภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย แล้ว อันเป็นการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มทรู ในฐานะผู้ได้รับสิทธิอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว

ทั้งนี้ จากมาตรการคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าว “กลุ่มทรู” จึงขอแจ้งผู้ให้บริการโทรทัศน์ในระบบ IPTV และระบบ OTT ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิอย่างถูกต้องทั้งหมด ระงับการแพร่เสียงและแพร่ภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ในทันที ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกับคำสั่งศาลดังกล่าว และหลีกเลี่ยงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการละเมิดสิทธิ์ตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ต่อไป

ขณะเดียวกัน “กลุ่มทรู” ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ในครั้งนี้ จะไม่มีผลกระทบต่อสิทธิในการรับชมฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ของประชาชนทั่วไป คนไทยยังคงสามารถรับชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ผ่านการให้บริการโทรทัศน์เป็นการทั่วไป (ฟรีทีวี) ได้ตามปกติ รวมทั้งยังสามารถรับชมการแข่งขันได้ทุกแมตช์ ผ่านผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิก (Pay TV) ในระบบเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียม ที่ผ่านการเข้ารหัสสัญญาณตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว