เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 ส.ค. ที่ห้องโดม ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายสกอตต์ มอร์ริสัน (The Honourable Scott Morrison) นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ซึ่งฝ่ายออสเตรเลียเป็นฝ่ายทาบทามการหารือ ในโอกาสเพื่อรักษาและกระชับความสัมพันธ์ของความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน และเพื่อกระตุ้นแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันทั้งในระดับทวิภาคี อนุภูมิภาคและภูมิภาค ภายหลังการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียอีกครั้ง ยินดีต่อการยกระดับสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ไทย-ออสเตรเลียซึ่งได้มีโอกาสลงนามในแถลงการณ์ร่วมกันเมื่อเดือน พ.ย. 2563 ถือเป็นสัญลักษณ์ที่ชัดเจนถึงความแน่นแฟ้นของความสัมพันธ์ระหว่างกัน แม้จะพบกับสถานการณ์ความยากลำบากโรคโควิด-19 ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะเป็นโอกาสวางรากฐานเพิ่มพูนความร่วมมือสู่อนาคตในสาขาต่างๆ ร่วมกัน

ด้านนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวยินดีที่ได้มีโอกาสหารือกับนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ โดยยืนยันว่า ออสเตรเลียให้ความสำคัญกับการยกระดับความสัมพันธ์กับไทยภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศ ตลอดจนมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสัมพันธ์อาเซียน-ออสเตรเลีย สู่ความเป็นหุ้นส่วนแบบรอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership) ท่ามกลางความท้าทายที่ทั่วโลกเผชิญ ซึ่งรวมถึงประเด็นอื่นๆ ได้แก่ ความเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ โลกดิจิทัล สถานการณ์หลังโควิด-19 และ การเดินทางในยุค New Normal

ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันในหลากหลายประเด็น โดยเฉพาะ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมออสเตรเลีย ที่ได้ประกาศให้ความช่วยเหลือเรื่องวัคซีนแก่นานาประเทศ ทั้งในกรอบ Regional Vaccine Access and Health Security Initiative กรอบ QUAD Vaccine Partnership กรอบการประชุมผู้นำ G7 ตลอดจนความร่วมมือในกรอบอาเซียน-ออสเตรเลีย รวมถึง ขอบคุณการสนับสนุนเงินด้านสาธารณสุขจำนวน 2.8 ล้านดอลลาร์ ของออสเตรเลียให้แก่ไทย สะท้อนถึงบทบาทที่สร้างสรรค์ของออสเตรเลียในการส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ และได้ขอให้นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียพิจารณาให้ความร่วมมือด้านวัคซีนแก่ไทยในรูปแบบที่มีความพร้อมและเหมาะสม ซึ่งนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียได้กล่าวว่ายินดีที่จะสนับสนุนความช่วยเหลือด้านวัคซีนซึ่งจะได้หารือกันต่อไปในรูปแบบที่เหมาะสมท่ามกลางความท้าทายที่เผชิญร่วมกัน

สำหรับสถานการณ์ในเมียนมา ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันโดยมีความเห็นพ้องที่จะต้องให้ความร่วมมือด้านมนุษยธรรมกับเมียนมาเป็นอันดับต้น นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียสนับสนุนการปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยทั้งสองฝ่ายเชื่อมั่นว่า ผู้แทนพิเศษของประธานอาเซียนเรื่องเมียนมา จะเดินทางเยือนเมียนมาเพื่อสนับสนุนให้ฝ่ายต่างๆ หันหน้ามาพูดคุยและแสวงหาทางออกโดยสันติโดยเร็วที่สุด

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียพิจารณาข้อกำหนดให้นักศึกษาไทยที่ศึกษาที่ออสเตรเลียได้เดินทางกลับเข้าไปศึกษาต่อในโอกาสแรก.