เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี พร้อมด้วย ตำรวจ สภ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เข้าค้นหาศพนายศุภเดช ช้อยสามนาค อายุ 37 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี อาชีพขับแกร็บคาร์ ที่หายตัวไปพร้อมรถเก๋งมิตซูบิชิ มิราจ สีน้ำเงิน ทะเบียน กบ 218 กาญจนบุรี ที่ใช้ขับแกร็บเป็นประจำ ตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา บริเวณป่าละเมาะพื้นที่บ้านหนองสามพราน ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จากการตรวจค้นพบศพนายศุภเดช สภาพเริ่มเน่าเปื่อย มีหน่อนไต่ยั้วเยี้ย ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ตรวจสอบมีบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมบริเวณไหล่ซ้าย และหน้าอกขวา เป็นแผลฉกรรจ์ จึงนำศพส่งชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้าตรวจค้นดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ญาติ นายศุภเดช เข้าแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี โดยหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.หลังออกไปรับผู้โดยสาร ซึ่งทางญาติได้พยายามออกตามหา ประกาศหาทางเฟซบุ๊กและช่องทางโซเชียลต่างๆ แล้วแต่ไม่พบตัวจึงเข้าแจ้งความไว้ ต่อมา ตำรวจสืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี ได้เข้ามาร่วมสืบสวน กระทั่งมีผู้แจ้งเบาะแสพบรถยนต์ต้องสงสัย คาดว่าจะเป็นของผู้ตาย บริเวณอ่างเก็บน้ำปราณบุรี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ตำรวจพื้นที่เข้าตรวจสอบ พบรถมิตซูบิชิ มิราจ สีน้ำเงิน คันดังกล่าวจอดอยู่ โดยมีนายพิษณุ นาคเถื่อน หรือเล็ก อายุ 23 ปี และนายชัย (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี เป็นผู้ขับมาท่องเที่ยวพักผ่อนบริเวณอ่างเก็บน้ำ โดยพบว่าเป็นรถนายศุภเดช จริง แต่ป้ายทะเบียนถูกใช้ปากกาเมจิกเขียนดัดแปลงตัวเลขจาก 218 เป็น 248 จึงควบคุมตัวทั้ง 2 พร้อมของกลางรถยนต์คันดังกล่าวและมีดพับ 1 เล่ม ก่อนประสาน ตำรวจ สืบสวน ภ.จว.กาญจนบุรี ร่วมสอบปากคำ

สอบสวนเบื้องต้นทั้งสองให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันฆ่านายศุภเดช แล้วชิงรถยนต์มา โดยทั้งสองมีพื้นเพเป็นชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่เดินทางมาอยู่ที่กาญจนบุรีได้นานหลายเดือนแล้ว ที่ผ่านมาเรียกใช้บริการแกร็บคาร์มาประมาณ 5 ครั้ง ซึ่งทุกครั้งเป็นรถของผู้ตายตลอด วันเกิดเหตุได้ใช้แอพเรียกใช้บริการแกร็บคาร์มารับ เพราะต้องการไปหางานทำที่ อ.ปราณบุรี ซึ่งก็เป็นรถของผู้ตายมารับอีกเช่นเคย

ผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การอีกว่า พวกตนพยายามพูดขอยืมรถผู้ตายเพื่อไปตระเวนหางานทำ แต่ผู้ตายไม่ยอม แถมยังต่อว่าพวกตนจนเกิดมีปากเสียงกัน ก่อนใช้มีดแทงเสียชีวิตแล้วขับรถนำศพไปทิ้งที่บริเวณป่าละเมาะ ดังกล่าว แล้วใช้ปากกาเมจิกเปลี่ยนแปลงเลขทะเบียนขับหลบหนีมาที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ กระทั่งมาถูกจับกุมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเสียทีเดียว เนื่องจากทั้งสองให้การไม่สอดคล้องกันทั้งหมด ประกอบกับพฤติกรรมเป็นการลวงผู้ตายออกมาก่อเหตุจึงนำตัวทั้งสองมาสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ขอบคุณ ข้อมูล – ภาพ จาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ – เจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์