ยังคงถูกสนใจอยู่อย่างมากมายสำหรับเรื่องราวของอดีตพระเอกดังยุค90’s อาทิตย์ ริว ที่ตอนนี้ออกมาเปิดชีวิตหลังอำลาวงการไปนาน 17 ปี ใช้ความรักนำทางจนทำชีวิตพังเกือบฆ่าตัวตายมาแล้ว และประเด็นเรื่องลูกคนที่ 4 ซึ่งไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน ผ่านรายการคุยแซ่บshow แบบจัดเต็ม

ริว เผยว่า “ตั้งแต่มีข่าวกระแสผมไม่ได้ตามเลยครับ ไม่เคยดูโซเชียลอยู่แล้ว ไม่เคยติดตามอะไรที่เกี่ยวกับวงการบันเทิงมาก่อนเลย ตั้งแต่ออกไปแล้วเกือบ 20 ปี แต่ก็มีดูบ้าง ข่าวของน้องๆ พี่ๆ ที่อยู่ในกระแสเขาโอเคไหม เขาอยู่ในสภาพจิตใจแบบไหน เรื่องของผมผมไม่ดู ตอนแรกที่ตัดสินใจให้คุณบอย วันบันเทิงมาสัมภาษณ์ผมคิดหนักนะว่าผมจะเปิดตัวยังไง จะให้คนอื่นเขาเห็นในสิ่งที่ริวในฐานะนักแสดงเก่า เป็นสภาพแบบไหน ก็คิดว่าผมจะเปิดดีไหม มีโอกาสได้คุยกับคุณบอยด้วยตนเองบอกว่ามีน้องโจ๊กบอกว่าเดี๋ยวพี่บอยจะมาหา เขาบอกแล้วแต่ผม ก็เลยบอกว่างั้นนัดคุยกันก่อน ขอคุยก่อนว่าบอยฟังข้อมูลแล้วจะเป็นยังไง ทีนี้ก็คุยกัน 2 ชม. จังหวะนั้นผมก็คุยกับทีมน้องที่เป็นตัดต่อช่องวัน เขาบอกว่าพี่ริวเอาสักทีเถอะ มันง่ายพี่ วงการบันเทิงมันง่าย ไม่ต้องมานั่งลำบาก ผมก็บอก กูพอใจนะโจ๊กที่มีรายได้วันละ 100-200 เขาก็อึ้ง บอยเขาก็อึ้ง เขาถามจริงเหรอค้าขายได้วันละ 100-200 พอให้มีค่ารถกลับ หรือว่ามีอาหารมื้อนึง เขานั่งสัมฯ เขานั่งน้ำตาคลอ ผมก็ทำไมอะชีวิตคนมันก็ต้องดิ้นรน ผมเข้าใจแหละค่าตัวในวงการบันเทิงมันเท่าไหร่ ผมก็เคยผ่านมา”

“เรื่องนี้ผมต้องกราบขออภัยเฮียด้วยนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาอะไร ผมรักเฮียเหมือนเดิม ผมไม่ได้พูดถึงในแง่ต่อว่าหรืออะไร แต่ในตอนนั้นผมให้สัมภาษณ์เพราะว่านั่นคือความรู้สึกจากใจผมที่ผมทำทุกอย่างเพื่อ RS ผมพยายามรักษาภาพลักษณ์ทุกอย่างในชีวิตส่วนตัวด้วย สุดท้ายจังหวะที่ผมบอกความเป็นจริง ทุกคนอาจจะเข้าใจผิดคำว่าเฮียฮ้อ แต่จริงๆ บทบาทที่ผมจะได้เล่นละครใน RS คือ เฮียเตี้ย เป็นน้องชาย ตอนนั้นผมมีความคุ้นเคยกับเฮียและมีความสนิทมาก มีความผูกพันและเขาก็ดูแลผมดีมาก ทีนี้จังหวะที่ผมตัดสินใจจะออกจากวงการบันเทิงเป็นการปิดกล้องของละคร วัยร้ายเฟรชซี่ ที่มีน้องแดน น้องบิ๊ก D2B น้องอ้อน ลักขณา เขาก็ดีใจฉลองปิดกล้อง มันเป็นจังหวะที่ผมตัดสินใจเปิดเผยว่าจะเลือกเส้นทางนี้หรือเลือกชีวิตส่วนตัว ผมก็เลยถือโอกาสนี้กราบขอโทษทุกท่านด้วย อย่าไปโจมตีเฮียฮ้อ ไม่ได้เกี่ยวกับเฮียฮ้อ และผมก็ไม่ได้ไปโจมตีใคร ต้องกราบขออภัยด้วยครับ เฮียเตี้ยครับผมขอโทษที่ผมพูดยังไม่ได้คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะมีผลกระทบ”

ริว เล่าต่อว่า “เรื่องมีแฟนแล้วทำงานไปด้วย สมัยก่อน ดารายุค90’sการที่บอกว่ามีแฟน ถ้าเราเป็นพนะเอกความนิยมของเขาจะน้อยลง เขาเกาะติดคล้ายๆ ไอด้อล พระเอกของเขา ทีนี้ถ้าพระเอกของเขาจะไปมีแฟน หรือว่าจะมีเรื่องของผู้หญิงเข้ามาเกาะแกะ เขาจะหวง ที่พี่บอยช่องวันมาช่วยคือปีที่แล้วเราทำข่าวพี่หมวย สุภาพร แล้วมีคนบอกว่ามีคนหนึ่งพี่บอยน่าจะไปช่วยให้เขามีสติแบบพี่หมวย นั่นคือ อาทิตย์ ริว เราบอกเรารู้จักเขา เราเคยสัมภาษณ์เขามานานแล้วตอนที่เขามีวิกฤติชีวิต แล้วเราจะคุยกับเขายังไง ก็มีการติดต่อ แต่ก็มีคนเตือนนะ บ้านะ เอามาออกทีวีจะคุยรู้เรื่องเหรอ มันไม่ปกตินะ เราก็เลยบอกน้องนัดริวไปเจอ ขอคุยก่อน ริวจำได้ไหมวันที่เราไปเจอกัน ริวถามว่าทำไมมาคนเดียวไม่มีกล้องเหรอ เราไม่กล้าบอกริวตรงๆ เรากลัวมาแล้วไม่ได้อะไร เพราะเรากลัวริวคุยไม่รู้เรื่อง วันนั้นเป็นวันแรกที่ไปนั่งคุยอยู่ 2 ชม. เป็นสิ่งที่ผมโดนมาตลอด ตั้งแต่สื่อทำแบบนี้กับผม คือทุกคนจะคิดระแวงระวังว่าการที่จะมาคุยกับริวเนี่ย มันบ้านะ เพี้ยนนะ มันมีประวัติเข้าโรงพยาบาลบ้านะ อย่าไปยุ่งกับมัน มันเพ้อเจ้อ อย่างที่บอยมาเจอผม บอยก็ต้องดูก่อนว่าผมโอเคไหม”

“ที่บอกว่าริวขาดความรัก เท่าที่ดูตอนนี้ริวมีลูก 3 คนกับอดีตภรรยา อันนี้ก็เป็นความรักประเภทหนึ่ง มันเป็นความรักที่ผมค่อนข้างปราถนาดี ปราถนาดีกับตัวเองด้วย ปราถนาดีกับเขาด้วย ว่าอยากมีลูก อยากมีความรักด้วยกัน อยากมีหัวแก้ว หัวแหวนด้วยกัน อยากจะประคับประคองครอบครัวไปด้วยกัน อยากจะเติมเต็มชีวิตที่ขาดหายไป ก็ตกลงว่าจะอยู่ด้วยกันนะ แต่มันยังขาดช่วงระยะเวลาศึกษาดูใจในความเป็นตัวตนของแต่ละคนจริงๆ อย่างบางคนเขาจะมองภาพในละคร เขามองภาพความเป็นพระเอก เขาบอกริวต้องเป็นอย่างนี้ ในละครริวเป็นอย่างนี้ ฉันรักริวในคาแรคเตอร์นั้น แต่ตัวผมไม่ใช่ ตัวผมมีความเป็นตัวเอง ด้วยความที่ครอบครัว หมายถึงตัวภรรยาเองก็ต้องคาดหวังว่าผมน่าจะเป็นพระเอกจริงๆ แต่ทีนี้ผมไม่ใช่ ในชีวิตจริงผมยอมรับเลย ผมเป็นคนเจ้าชู้ แล้วผมก็พูดเลยตั้งแต่ก่อนคบว่าถ้าจะคบกับผมรับได้ไหมในความเจ้าชู้ เขาก็บอกว่ารับได้ในความเป็นตัวริว ผมถามว่าแน่นะ ถ้ารับได้ผมก็คบ ก็เลยตัดสินใจอยู่ ตัวปัญหาเหล่านั้นผมไม่ได้จะพูดถึงว่าจบยังไงหรือมีปัญหายังไง แต่ผมพูดคร่าวๆ ว่าผมได้มีลูกกับเขา แล้วปัญหาในครอบครัวต่างๆ นานา เกี่ยวกับเรื่องนู้น เรื่องนี้ผมจะไม่ขอพูดถึง เพราะว่าทุกวันนี้เขาก็มีชีวิตที่ดี แล้วลูกผมก็น่ารัก”

“ส่วนประโยคที่ว่าริวรู้สึกว่าไม่มีคนรัก จนทำให้คิดอยากฆ่าตัวตาย อันนี้มันเกิดขึ้นคือพอหลังจากชีวิตความรักในครอบครัวไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเรามองภาพสวยเกินไป ถ้ามีลูก เราจะพาลูกไปตรงนั้น จะเลี้ยงลูกแบบนี้ เราจะซื้อเสื้อผ้าให้ลูก แต่งตัวให้ลูกอย่างนี้นะ คนเป็นพ่อจะเป็น เราจะปูเส้นทางให้เขาเดินยังไง ปรากฏว่าเส้นทางที่เราคิดกับความเป็นจริงมันสวนทางกันมันกลายเป็นความหึงหวง จากที่เขาบอกว่ารับได้ เขาบอกว่ารับไม่ได้ จุดที่อยากฆ่าตัวตาย เนื่องจากพอผมจบพังทลายกับชีวิตครอบครัว ลูกก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน มีปากเสียงกันนิดหน่อย แล้วแยกย้ายกัน และการที่ผมจะไปพบลูก ถ้าผมไปในสภาพที่ผมไม่มีเงิน ซึ่งคนเป็นพ่อจริงๆ ก็อยากให้เงินเขา เราอยากดูแลเขา การที่ผมเจอทุกครั้งมันต้องใช้เงิน ผมก็จะรู้สึกว่าลูกผมเป็นตัวประกันหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้คิดอย่างนั้น ผมคิดว่าถ้าผมมี ผมให้ แล้วผมก็ให้จริงๆ ผมเซ็นเช็คทีละ 3 -4 แสน ผมให้จริงๆ เพราะไม่ได้บ่อยเลยที่ผมมีโอกาสเข้าไปเจอลูก แต่ทุกครั้งที่ผมเจอลูก กอดลูกมันมีน้ำตา การไปเยี่ยมลูกผมยินดี ตอนนั้นผมมีเงิน”

“ชีวิตผมพังคือ เรื่องงานผมไปได้ดีมาก เรื่องเงินทุกอย่างไม่มีปัญหาเลย แต่มีปัญหาเรื่องชื่อเสียงนี่แหละครับ พอมันเป็นข่าวทุกคนก็เอากระแส เกาะติดกระแส สื่อโน้นก็เขียนอย่างนั้น แยกประเด็นผมบ้า ผมเพี้ยน ผมทำร้ายภรรยา ประดังเข้ามาเป็นกระแสไวรัลอยู่ในยุคโซเชียลเริ่มต้นของสมัยนั้นที่เป็นสมาร์ทโฟนเข้ามา มีเฟซบุ๊ก hi5 เข้ามา กลายเป็นว่าหน้าจอตั้งอยู่แบบนี้ แต่ความเครียดโผล่ให้เห็นของคนทั่วประเทศ แต่ผมจะไม่โทษโซเชียล เพราะโซเชียลจะเป็นฟรีความคิดเห็นของคนว่าความรู้สึกผมเอ๊ะอ่านข่าวนี้เขาจะเชื้อหรือไม่ จะให้กำลังใจหรือด่า อันนี้ผมไม่เคยว่า แต่ผมก็บอกกับตัวภรรยาแล้วว่าอย่าไปสนใจได้ไหมกับกระแสพวกนี้ มันนานาจิตตัง ตัวผมเองทำงานในวงการบันเทิงผมรู้สิว่าถ้าเราไปแคร์มากกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์แสดงว่าผมคงไม่ต้องทำงานอะไรแล้ว ยอมแพ้ในชีวิต เพราะฉะนั้นเรื่องงานผมสำคัญมาก 1.การเป็นพระเอกไม่ง่าย เพราะฉะนั้นเวลาข่าวอะไรมากระทบแน่นอน แต่สื่อมวลชนรู้ไหม ถ้าเป็นตัวคุณเอง ครอบครัวคุณเอง มีคนไปเขียนเรื่องคุณ แต่โอเคคุณไม่ใช่ดารา ไม่ใช่ศิลปิน แต่ตัวคุณเป็นคนเขียน นามปากกาคุณ คุณเคยรับผิดชอบอะไรไหมในชีวิตที่มันพังไป หนังสือขายได้ เย้ สื่อบางคนเขาก็ดี อย่างเช่น คุณบอยเนี่ย เขาบอกอย่างนี้ดีนะ เขาจะช่วยเรา นี่สิเขามีจรรยาบรรณ เขามีหัวใจเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน คนเป็นเพื่อนต้องคิดอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าจับข่าวนี้โดนแน่ สื่อมวลชนคิดว่าตัวเองใหญ่มาก อย่าคิดว่าตัวเองใหญ่”

ริว เล่าต่ออีกว่า “จากข่าวที่มันเกิดขึ้น อันนี้ทำให้เราคิดจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ด้วยบาดแผลตรงนั้นมันหนักมาก คือพาดหัวว่า ริวเพี้ยนเข้าโรงพยาบาลบ้า สัมภาษณ์รายการ ปากโป้ง พี่หนุ่ม กรรชัย เอาข้อมูลจากที่ต่างๆ ริวไปแก้ผ้าด่าศูนย์ AIS แต่การที่ใช้ปากพูดออกสื่อเนี่ย ผมถามหน่อย คนบ้าอะไรจะไปแก้ผ้าด่า AIS ขับเบนซ์คันเบอเร่อไปเสียค่าโทรศัพท์ 2 พันถึงขนาดต้องโมโหแก้ผ้าเหรอ ด้วยความที่คนอื่นแบบ อย่าไปคุยกับริว ริวมันบ้า แสดงว่าไปติดข้อมูลเก่าในสื่ออินเตอร์เน็ต ไม่เคยมีใครแก้ให้เลย เพราะสื่อมวลชนนี่แหละทำผมไว้ ผมรักมากนะวงการบันเทิง เป็นครอบครัวผม เป็นบ้านผม แต่บ้านหลังนี้ เมื่อคนเอามีดมาแทงผม เพื่อจะขายข่าว ผมรู้สึกว่าคนในบ้าน เมื่อญาติพี่น้องยังจะทำร้ายกันเองในยามที่เราเพรี่ยงพร้ำ แทนที่จะประคบประหงมน้องริวไปทางนี้นะ น้องริวดูแลลูก เราสร้างภาพพ่อที่ดีก็ได้นะ เดินไปในทางอบอุ่นของครอบครัว เลี้ยงดูลูก พาลูกไปนู้นนี่ ก็ยังดีกว่าริวมันเพี้ยน บ้านแม่งพัง”