เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 410/2564 ลงวันที่ 25 ส.ค.2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีเนื้อหาระบุว่า ด้วยเมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2564 เกิดเหตุกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประกอบด้วย 1.พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ 2.พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ 3.ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.เมืองนครสวรรค์ 4.ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา รองสารวัตร (ปฏิบัติการป้องกันปราบปราม) สภ.เมืองนครสวรรค์ 5.ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สภ.เมืองนครสวรรค์ 6.ด.ต.ศุภกร นิ่มชื่น ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สภ.เมืองนครสวรรค์ 7.ส.ต.ต.ปวีกรณ์ คำมาเร็ว ผู้บังคับหมู่ป้องกันปราบปราม สภ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

ได้มีพฤติการณ์ร่วมกันทำร้ายร่างกายโดยการทรมาน นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดเพื่อเรียกเงินจำนวนเงิน 2 ล้านบาท จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และอ้างเหตุว่าผู้ต้องหาเสพยาเสพติดเกินขนาด ซึ่งต่อมาผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ มีหนังสือตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ที่ 0021 (นว.) 17/5503 ลงวันที่ 24 ส.ค. 2564 รายงานว่ากรณีดังกล่าวได้มี น.ส.จันทร์จิรา ธนะพัฒน์ ญาติผู้ตาย ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อดำเนินคดีอาญากับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล กับพวก โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญาที่ 1165/2564 ตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีข้อ 24 ลงวันที่ 24 ส.ค. 2564

เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นกรณีข้าราชการตำรวจต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา มีพฤติการณ์อันเป็นความผิดร้ายแรงเป็นคดีสะเทือนขวัญสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งยังเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนเป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อให้การสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และเกิดความเป็นธรรมกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง

อาศัยอำนาจตามมาตรา 13(4) แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2557 และแก้ไขเพิ่มเติม ประกอบคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 419/2556 ลงวันที่ 1 ก.ค. 2556 เรื่องการอำนวยความยุติธรรมในคดีอาญา การทำสำนวนการสอบสวน และมาตรการควบคุม ตรวจสอบเร่งรัดการสอบสวนคดีอาญา บทที่ 4 ข้อ 2.5.4 จึงแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังนี้

1.แต่งตั้งหัวหน้าและรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ดังนี้

1.1 พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน

1.2 พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน

2.คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ประกอบด้วย

  1. พล.ต.ท.วิชิต ปักษา ผบช.ตชด.
  2. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.
  3. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.สตม.
  4. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.
  5. พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.ภ.6
  6. พล.ต.ต.กรณ์ณทัชญ์ กิตติบูลย์ รอง ผบช.ภ.2
  7. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก.
  8. พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ ผบก.สส.ภ.6
  9. พล.ต.ต.ระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์
  10. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป.
  11. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.
  12. พ.ต.อ.รุ่งศักดิ์ แสงเสียงฟ้า รอง ผบก.ตม.2
  13. พ.ต.อ.สุทธิพงศ์ เป็กทอง รอง ผบก.ภ.จว.ตาก
  14. พ.ต.อ.จตุรภัทร สิงหัษฐิต ผกก.กลุ่มงานสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรสระแก้ว
  15. พ.ต.อ.สุกรี สินเย็น ผกก.ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ กองตรวจราชการ 8 จเรตำรวจ
  16. พ.ต.ท.สมัชญ์ นาศพน รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.คลองลึก จ.ตราด
  17. พ.ต.ท.ทรงพล สุ่มนิล รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองนครสวรรค์
  18. พ.ต.ต.ตฤณ สีลานุช สว.กลุ่มงานสนับสนุนเทคโนโลยี บก.ปอท.
  19. ร.ต.อ.สุรภัทร์ รัตนตรัยวงศ์ รอง สว.ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานภูเก็ต

โดยให้มีอำนาจหน้าที่ ดังนี้

เป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนผู้รับผิดชอบสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญารวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดของบุคคล กลุ่มบุคคล หรือเครือข่ายให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว หากการสืบสวนพบว่า มีผู้อื่นร่วมกระทำความผิด หรือมีการกระทำความผิดอื่นเกี่ยวเนื่องกันก็ให้มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดนั้นๆ แล้วรายงานผลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ

3.แต่งตั้งเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ดังนี้

3.1 พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบปราม เป็นเลขานุการ

3.2 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

อนึ่ง ในการสอบสวนให้พนักงานสืบสวนสอบสวนพึงระมัดระวังเรื่องอำนาจการสอบสวน โดยจะต้องให้มีพนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจและหน้าที่ทำการสอบสวนร่วมในการสอบสวนด้วยทุกครั้ง