ศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ ถือว่าดุเดือด ต่างฝ่ายต่างแย่งชิงคะแนนเสียง เวทีดีเบตคึกคัก

การเมือง กับนักกีฬา ไม่ค่อยมาอยู่ร่วมกัน ถ้าจะมีก็คือ คนกีฬา หรือนักกีฬาที่เลิกไปแล้ว มากระโดดสู่เวทีการเมือง

แต่นักกีฬาไทยที่กำลังเล่นอยู่ หายากนัก อย่าว่าแต่แสดงจุดยืนทางการเมือง รักใคร เชียร์ใคร เลย แม้แต่แสดงความเห็น ยังกลัวกันอย่างมาก จะด้วยความกลัวตกเป็นเป้าโจมตีจากอีกฝั่ง หรือโดนผู้ใหญ่กำชับมา อะไรก็แล้วแต่

อย่างไรก็ตาม เลือกตั้งหนนี้ มีอะไรแปลกๆ เมื่อมีนักฟุตบอลชื่อดัง ระดับเบอร์ต้นของประเทศ แสดงความเห็นถึง “นิด” เศรษฐา ทวีสิน หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ที่จะว่าไปก็เป็นคนที่คลุกคลีวงการฟุตบอลไทยไม่น้อย

“เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะทีมชาติไทย ของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล โพสต์เมื่อหัวค่ำวันที่ 3 พ.ค. ลงรูปเขากับ นายเศรษฐา พร้อมข้อความว่า “ตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี ที่ได้รู้จักคุณเศรษฐามา ตั้งแต่วันแรกที่เอ็นดูผมยังไงวั นนี้ก็ยังเอ็นดูผมเหมือนเดิม คุณเศรษฐาเป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือมาก ซึ่งผมสามารถขอคำปรึกษาได้ทุกเรื่อง เพราะคุณเศรษฐามีวิสัยทัศน์กว้างไกลและมีแนวคิดทันสมัย ผมเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่จะคอยสนับสนุนคุณเศรษฐาครับ”

ด้าน “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ โกลทีมชาติไทย ของเมืองทอง ยูไนเต็ด โพสต์เมื่อราวๆ เที่ยงวันเดียวกัน ด้วยข้อความยาวเหยียดว่า

ช่วงที่ผ่านมา การหาเสียงในบ้านเราเข้มขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนเฝ้าติดตามวิสัยทัศน์นโยบายที่จะพัฒนาบ้านเรา เห็นหลายท่านจากหลากหลายฝ่ายระดมความคิด งัดกลยุทธ์ออกมาเป็นนโยบายโดนใจ เชื่อว่าหลายคนรู้สึกเหมือนผมคือ เริ่มมีเเรงฮึดที่จะช่วยให้บ้านเราดีขึ้นเรื่อยๆ ผมติดตามข่าวเเละดูรายการดีเบตเป็นประจำ เพราะมีสาระประโยชน์ ให้รู้สถานการณ์ในด้านต่างๆ ผมชื่นชอบการนำเสนอของหลายท่าน อย่างน้อยก็เป็นคนไทย ที่อยากจะให้คนไทยด้วยกันดีขึ้น

หนึ่งในนั้นที่ผมเจอบ่อย (ในทีวี) ช่วงนี้ เเละอดพูดถึงไม่ได้ คืออานิด อาที่ผมเคารพรัก มากว่า 10 ปี มาวันนี้ผมเห็นอีกบทบาทของท่านทำให้ผมรู้สึกว่า

“คนเราไม่ว่าจะอยู่ในอาชีพอะไร ฐานะอะไร ส่วนไหนของสังคม ถ้ามีความคิดที่จะคิดเพื่อส่วนรวม นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ไกลเกินตัวเลย ทุกคนคิดได้ ทุกคนทำได้ เพื่อบ้านของเรา”

ผมเคารพอาเสมอ อาเป็น role model เรื่องของความมุ่งมั่น ความมีวิสัยทัศน์ เเละขอเป็นกำลังใจให้อาเหมือนอย่างเคย

เเละไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยการที่หลายฝ่ายตื่นตัวการเมือง หานโยบายดีๆมาพัฒนาบ้านเรา คนที่ได้เเน่นอนคือ

“ประเทศไทย”

อย่างที่บอก ถือเป็นเรื่องแปลกของไทย ที่นักกีฬาปัจจุบัน ออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง แทนที่จะอยู่ใน “เซฟโซน” ของตัวเอง

แน่นอนเมื่อมีคนชม แต่อีกฝั่งที่มีแนวคิดคนละข้าง ย่อมด่า ย่อมทัวร์ลง ยิ่งในช่วงที่กระแสเชี่ยวกรากสุดๆ แบบนี้

กระนั้นก็ตาม แนวปฏิบัติเกี่ยวกับการเมืองของไทยที่ผ่านมา ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นไปตลอดไป

ทุกวันนี้ คนตื่นตัวการเมืองมาก ในทุกระดับอายุ ทุกอาชีพ นักกีฬา ก็ย่อมมีสิทธิแสดงความเห็น แสดงจุดยืน รักใคร ชอบใคร และน่าจะหมดยุคได้แล้ว กับการอยู่เงียบๆ กับคำว่า “อย่าไปยุ่งเลย”

เป็นเรื่องดีที่วันนี้ กล้าออกมาแสดงความเห็นของตัวเอง

แนวทางการเมือง ทุกคนมีสิทธิคิด มีสิทธิแสดงความเห็นได้ทั้งนั้น มันไม่ใช่ และไม่ควรเป็นต้นตอความขัดแย้ง เป็นเรื่องของการรับฟังคนเห็นด้วย และเห็นต่าง

“การเมือง” ไม่ใช่สิ่งที่แตะต้องไม่ได้ เพราะ “นักกีฬา” ก็คือประชาชนเท่าๆ กับพวกเราเหมือนกัน ทำไมเขาจะไม่มีสิทธิคิด ไม่มีสิทธิพูด

ยิ่งทุกภาคส่วนตื่นตัวมากเท่าไหร่ “การเมือง” ก็จะมาอยู่ใกล้ความควบคุมโดย “ประชาชน” มากยิ่งขึ้นเท่านั้น มิใช่หรือ

ก็เหมือนที่ “ตอง” กวินทร์ ระบุในช่วงท้าย

ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยการที่หลายฝ่ายตื่นตัวการเมือง หานโยบายดีๆ มาพัฒนาบ้านเรา คนที่ได้เเน่นอนคือ…ประเทศไทย

*** วุฒินล ***