เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่บริเวณแยกอโศกมนตรี ตามการนัดหมายของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ที่ประกาศทำกิจกรรม ‘ดีเดย์’ เพื่อขับไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรับมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีกลุ่มคนเสื้อแดง นำรถเครื่องเสียงปักหลักบริเวณหัวมุมถนนอโศกมนตรี พร้อมสลับปราศรัยและเปิดบทเพลงสนับสนุนประชาธิปไตย โดยมีผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก

ส่งผลทำให้การจราจรต้องมีการปิดถนนแยกอโศกมนตรีหน้าอาคารซิโนไทย และแยกอโศก​ (ถนนสุขุมวิท) โดยกระทบถนนสุขุมวิทฝั่งขาเข้าต้องปิดการจราจร แต่ฝั่งขาออกมุ่งหน้าพระโขนงยังคงสามารถใช้การได้เช่นเดียวกับฝั่งถนนรัชดาภิเษก นอกจากนี้บรรยากาศบริเวณพื้นที่โดยรอบมีกลุ่มพ่อค้า-แม่ค้าต่างพากันมาจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงมีการตั้งแผงจำหน่ายสินค้ารำลึกของกลุ่มคนเสื้อแดงหลากหลายชนิด

ขณะเดียวกันนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ได้เดินเท้าเข้าพื้นที่ดังกล่าว ทำให้คนเสื้อแดงได้พากันรุมล้อมพูดคุยแสดงความห่วงใยเรื่องอาการบาดเจ็บ ก่อนที่ไฮโซลูกนัทจะที่ชู 3 นิ้ว และกล่าวว่า ‘ต่อไปนี้น่าจะได้เจอกันทุกวัน’

นายธนัตถ์ กล่าวว่า จากการติดตามเนื้อหาสาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐสภา มีเนื้อหาที่ดีมากแต่สาระการชี้แจงของฝั่งรัฐบาลมองว่าแย่ทั้งหมด และที่ประชาชนออกมาจำนวนมากก็เป็นเพราะรัฐบาล ทำให้ประชาชนแทบจะไม่เหลืออาชีพในการทำมาหากิน จึงต้องออกมาขับไล่รัฐบาล เพื่อให้ได้รัฐบาลใหม่ที่ประชาชนไว้วางใจ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าในวันที่ 4 ก.ย. ที่จะถึงนี้ ก็ยังคงมีการลงมติไม่ไว้วางใจของภาคประชาชน และพร้อมจะกดดันอย่างต่อเนื่องในการชุมนุมทุกวันต่อจากนี้ แต่ยังไม่มีการปักหลักพักค้าง แต่จะเพิ่มความเข้มข้นในเรื่องของเนื้อหาที่จะทำให้มีแนวร่วมเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้เพิ่มในส่วนของความรุนแรงเพราะยังคงยึดหลักสันติวิธี เพื่อเป็นการกดดันรัฐบาล


 
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า วันนี้จะมีการปราศรัย ประเด็นเรื่องการขับไล่​ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยตนเองตื่นเต้นมากเพราะเป็นเวลา 3 ปี แล้วที่ไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัยทางการเมือง และนี่ถือเป็นครั้งแรก โดยหลังจากนี้จะนัดหมายการชุมนุมที่แยกอโศกมนตรีเป็นหลัก เพราะเลือกพื้นที่ให้ห่างจากพื้นที่เปราะบาง และเดินทางง่าย โดยจะใช้เป็นชัยภูมิ แต่หากสถานการณ์เปลี่ยน ก็สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้เสมอ ทั้งนี้การชุมนุมในปัจจุบันมีการยกระดับมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอยู่แล้ว และการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งการประเมินสถานการณ์การชุมนุมจะประเมินร่วมกันหลายกลุ่ม โดยยึดสถานการณ์ปัจจุบันเป็นที่ตั้ง ซึ่งจะเปิดพื้นที่ให้คนหนุ่มสาวได้ร่วมแสดงออก และตนเองไม่ได้ประกาศตัวออกมาเป็นผู้นำ แต่ออกมาเป็นพลังเสริม และการเดินทางการต่อสู้ของคนหนุ่มสาว​ คนนำอย่างแท้จริง พร้อมยืนยันว่า การชุมนุมจะอยู่ในกรอบตามรัฐธรรมนูญ ไม่เล่นนอกกรอบ

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ในส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎรนั้น ตนเล็งเห็นว่าเป็นไปสูงที่จะผ่านมติไว้วางใจ แต่คงรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลไว้ไม่ได้ และแม้จะปรับ​ ครม. ก็ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะอยู่ยาวได้หรือไม่  ซึ่งไม่ว่าในสภาจะว่ายังไง ประชาชนตกลงเป็นเสียงเดียวว่าจะขับไล่รัฐบาล และการเดินทางมาชุมนุมในวันนี้ ไม่ได้มาเพื่ออภิปรายนอกสภา แต่มาเพื่อลงมติว่าไม่ยอมรับ​ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วไม่ว่าในสภาจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ก็ขอให้กำลังใจฝ่ายค้านในการทำหน้าที่


  
“ส่วนจะมีการปักหลักการชุมนุมหรือไม่นั้นตนมองว่า ขณะนี้ยังมีสถานการณ์ของการแพร่เชื้อโรคระบาด ยังเป็นข้อจำกัดหลักที่จะปักหลักพักค้าง โดยในวันนี้จะเริ่มพัฒนาการชุมนุมไปตามรูปแบบนี้ก่อน ส่วนสถานการณ์ข้างหน้าหากจำเป็นจะปักหลักค้างคืนก็ต้องสรุปกันอีกครั้ง ตนขอส่งเสียงไปยัง​ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ท่านลาออกและส่งเสียงไปยังพรรคร่วมรัฐบาลว่าให้สงสารประชาชน ให้ลงมติไม่ไว้วางใจเพื่อให้พ้นจากตำแหน่ง เพราะจะทำให้เป็นสัญญาณการนำพาบ้านเมืองออกจากวิกฤติของความสูญเสีย” เลขาธิการ นปช. กล่าว