จัดเป็นอีกหนึ่งนางเอกสาวสุดแซ่บของวงการบันเทิง ที่มีผลงานมาอย่างมากมาย สำหรับสาวสวย ชิปปี้ ศิรินทร์ ที่ล่าสุดออกมาเผยความรัก 2 ปี กับแฟนหนุ่มนอกวงการ ที่บอกเลยว่าฝ่ายชายตามใจหนักมาก พร้อมไขข้อสงสัยทำไมถึงไม่ยอมเปิดหน้าสักที อีกทั้งย้อนเล่าอาการโรคซึมเศร้าอย่างหนัก ถึงขั้นคิดอยากจะออกจากวงการบันเทิง ผ่านรายการคุยแซ่บ show แบบจัดหนัก

ชิปปี้ เผยว่า “ถามว่าตอนนี้แฮปปี้ไหม แฮปปี้ค่ะ อย่างการเป็นซึมเศร้า หนูเคยเป็นอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนแรกเราไม่รู้หรอก เพราะเราเป็นคนที่ค่อนข้างอะเลิร์ทมาก แฮปปี้ แล้วมีช่วงที่หนูเลิกกับแฟนเก่า หนูร้องไห้หนัก จนมันรู้สึกเหนื่อยที่ต้องนั่งร้องไห้ทุกวัน จนเรารู้สึกว่าไม่ไหว จนเพื่อนพาเราไปหาหมอ แล้วคุณหมอก็วินิจฉัยว่าเป็นซึมเศร้า มันไม่ใช่ร้องไห้ 15 นาที เราร้องไห้แบบ 3-4 ชั่วโมง แล้วเหนื่อย ร้องแบบหายใจไม่ทัน ร้องตอนไม่มีใครอยู่ เหนื่อยแล้วก็หลับ หนูเป็นก่อนโควิดหนึ่งปี ปี 2018 ในใจเรารู้อยู่แล้วว่า การเลิกกับแฟนมันเป็นยังไง แต่ว่าการที่มันร้องไห้ โดยที่ใจเราโอเคกับการเลิกรา แล้วร้องมากขนาดนั้น เรารู้สึกว่าตัวเราไม่ปกติ แต่เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร ที่ต้องร้องตอนที่ไม่มีใครอยู่ เพราะชิปเป็นคนไม่ชอบให้ใครคนอื่นมองว่าชิปอ่อนแอ ชิปจะรู้สึกอายเวลาชิปรู้สึกว่าชิปอ่อนแอ แต่พอทุกคนไม่อยู่ ก็เป็นตัวเองได้เต็มที่ เราไม่ได้คิดว่าเราไปหาหมอ เราคิดว่าเรารักเขามากมั้ง เราเลยเสียใจ แต่ว่าพอเราร้องจนเรารู้สึกเหนื่อย ไม่สามารถใช้ชีวิตปกติได้ ทำอะไรก็เหนื่อย จนเรารู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว แต่ไม่มีความคิดอยากจะฆ่าตัวตายนะ แต่เหมือนไม่ตื่นมาก็ได้ เพราะว่าตื่นมา มันก็เหนื่อย”

“ตอนนี้มันเหมือนเซฟโซนของเราหายไป คือเราเป็นคนที่ไม่ดี เราไม่จำเป็นต้องบอกให้เพื่อนรู้ ให้เขามาแบกรับว่า เราคิดอย่างนี้ๆ เราคิดมากเรื่องนี้ ฉะนั้นคนที่รู้ ก็จะมีแค่แฟนเรา ตอนนี้ร้องไห้เยอะ ปรึกษาก็มีคุยกับเพื่อน แต่ไม่เคยร้องไห้ให้เพื่อนเห็น แต่เราไม่ได้เศร้าเพราะเลิกกับแฟน แต่มันอยู่ในช่วงที่เราเลิกกับแฟน คือมันเศร้าแบบไม่มีสติ คนเราทุกอย่างมันต้องมีสติ แต่เรามีสติ แต่เราไม่รู้ว่าทำไมเราร้องไห้ขนาดนั้น อย่างการออกจากวงการ จริงๆ มันมีหลายเคส เพราะว่าช่วงที่ชิปเริ่มกินยา เวลาไปถ่ายละคร พอเราเริ่มปรับเคมีในสมอง เวลาเราเล่นละคร เราต้องนึกภาพว่าเราเศร้า มันไม่สามารถร้องไห้ได้ เพราะเหมือนตัวยามันกดไม่ให้เราเศร้า แต่ก็ต้องทำให้ได้ พอเราร้องไห้ได้ ทีนี้มันหยุดไม่อยู่ เหมือนเราไปขุดความเศร้าขึ้นมาอีก พอคัตแล้ว เรารู้สึกว่าเรายังดิ่งอยู่ เราพยายามหยุดน้ำตา แต่ข้างในมันยังเศร้า หดหู่ จนเรารู้สึกว่าอยู่บ้านก็เหนื่อย ออกไปทำงานก็เหนื่อย จนเราคิดว่า หรือว่าเราจะเลิกเล่นละครดี เพราะมันเหนื่อยจริงๆ กับการที่เราต้องร้องไห้”

ชิปปี้ เล่าต่อว่า “มีทำงาน ถ่ายละคร มีรายการบ้าง ซึ่งช่วงนั้นพอชิปกิน ชิปรู้สึกมีความสุข ชิปก็มีการหยุดยา เพราะชิปรู้สึกว่าชิปโอเคแล้ว เราไม่ต้องเพิ่งยาแล้ว เราหยุดเองโดยไม่ปรึกษาหมอ สุดท้ายมันสวิง คือซึมเศร้าหนักกว่าเดิม เรารู้สึกว่าหนักขึ้น เพราะเราเข้าใจว่าเวลากินยาก็เหมือนเป็นหวัด หายก็หยุด ไม่มีใครมาบอกชิปว่าห้ามหยุดยาเอง เราคิดว่าเราโอเคแล้ว เราเลยไม่ได้ไปหาหมอ ตอนแรกพ่อแม่ไม่รู้ หนูจะอยู่บ้านกับแม่บ้าน แล้วที่คุณพ่อ คุณแม่รู้ เพราะคุณแม่โทรฯ หาหนู แล้วหนูไม่รับสาย เขาก็โทรฯ หาแม่บ้านหนูว่า น้องทำอะไรอยู่ คือแม่บ้านก็เหมือนพี่เลี้ยงด้วย เขาก็ไปโรงพยาบาลกับหนู แล้วตอนที่ปรึกษาคุณหมออยู่ คุณแม่ก็โทรฯ มา แล้วเราก็ไม่ได้รับ ใจเราตุ๊บตับแล้วว่า เขาจะโทรฯ หาแม่บ้านไหม แม่บ้านจะบอกไหม แล้วเราก็ออกมาจากห้องคุณหมอ ก็ถามว่าคุณแม่ได้โทรฯ มาไหม เราก็ถามว่า ได้บอกไหมว่าทำอะไร ก็บอกว่าอยู่โรงพยาบาล เป็นซึมเศร้า แล้วชิปก็บอกว่าบอกทำไม ตอนนี้หายแล้วค่ะ”

“แฟนใหม่ตอนนี้คบมาปีกว่าๆ ค่ะ แฮปปี้มากค่ะ คนนี้จริงๆ เราตอนแรก เราพยายามเปิดใจให้คนอื่นๆ แต่เรารู้สึกว่าเราก็ไม่ชอบใครสักคนเลย แล้วเราก็คิดว่า อันนี้เป็นช่วงเวลาที่เราสามารถอยู่คนเดียว เรียนรู้ตัวเอง แล้วอยู่คนเดียวมันก็แฮปปี้ ไม่ต้องมานั่งคิดถึงใคร เขาเข้ามาในแบบเพื่อนก่อน คือเป็นเพื่อนของเพื่อน แต่หนูรู้ว่าเขาชอบหนู แต่เขาไม่ได้จีบแบบนั้น เพราะชิปบอกเลยว่าไม่ได้ชอบยูนะ ชิปเป็นคนตรงมาก ถ้าเกิดเขาไม่รู้จักชิป แล้วเขามาชอบชิปได้ยังไง เขาไม่รู้ว่านิสัยชิปเป็นยังไง ตัวอักษรย่อเขา PK คือถ้าเกิดเขาชอบชิป รุกชิป ชิปไม่ชอบหรอกนะ เขาก็เหมือนเป็นเพื่อน เราก็โอเค เป็นเพื่อนกัน เขาแทบจะไม่จีบเหมือนเพื่อนคุยกันธรรมดา ไม่ใช่ว่าชิปไม่เปิดใจแบบนั้น เพราะชิปพยายามเปิดใจกับคนอื่นมาแล้ว แล้วชิปรู้สึกว่าชิปไม่ชอบ แล้วชิปก็รู้สึกว่า คนนี้ชิปก็คงไม่ชอบหรอก ก็เป็นเพื่อนไป แต่พอเหมือนอยู่ด้วยกันแล้วมันโอเค ไม่ได้มีความรู้สึกเขาชอบเรา เราชอบเขา เราเขินเขา มันไม่มีเลย มันมีแต่ทำอะไรทำ เป็นตัวเองมากๆ ความรู้สึกเปลี่ยน จริงๆ ก็ไม่นานนะ 2-3 เดือน ก็รู้แล้ว ถามว่าช่วงนั้นอะไรทำให้เราเปลี่ยนไป น่าจะเป็นความรู้สึก เขาไม่ได้หายไป แต่ด้วยความที่มันเป็นแบบเพื่อน เราจะไม่ได้คุยด้วยกันตลอด เรารู้สึกว่าอยากคุย อยู่กับเขาแล้วสบายตัวแบบบอกไม่ถูก ไม่ต้องเฟคว่าต้องแต่งหน้าทำผม ที่ไม่เปิดตัวแฟนคือเขาไม่ได้เป็นคนในวงการ เป็นนักธุรกิจ แล้วเขาไม่ได้อยากเป็นซัมวัน ไอจีเขาแทบจะไม่เล่นด้วยซ้ำ เขาโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา ฉะนั้นเขาไม่สนใจอยู่แล้ว กับการที่ไม่มีรูปในโซเชียลของชิป เพราะว่าจริงๆ ในโทรศัพท์ชิปมีแต่รูปเขา เขาไม่งอน”