เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ อยากดังเดียวจัดให้รีเทริน์ part6 โพสต์คลิปวิดีโอพร้อมกับระบุข้อความเอาไว้ว่า “ที่นี่ สมุทรปราการ!!!!! หมายจับก็มี เก่งกันนัก กร่างกันนัก กดขี่กันดีนัก ข่มเหงรังแกกันดีนัก หมดอาชีพ หมดทางทำมาหากินจุดจบขาใหญ่แพรกษา คนหนี จนท. ยึดรถ คำแปลคลิปคนถ่ายแจ้งความคนขับ (คดีอะไรสักอย่าง/คดีทำร้ายร่างกาย) ศาลออกหมายจับแล้ว แต่ผ่านไปนานก็จับไม่ได้สักที คนขับก็ตีมึนทำตัวปกติต่อไปในสังคม จนคนถ่าย (เจ้าทุกข์) ต้องถือหมายจับ มาจับเอง น่าจะราวๆ นี้มั้ง คนถ่ายน่าไม่ใช่ตำรวจแต่เป็นเจ้าทุกข์”

โดยในคลิปจะเห็นว่าเจ้าของคลิปเดินมาหาโชเฟอร์แท็กซี่ แล้วบอกว่า มีหมายจับก่อนที่เจ้าของคลิปจะเดินขึ้นไปนั่งบนรถแท็กซี่ของโชเฟอร์คนดังกล่าว แล้วบอกให้ขับไปโรงพัก แต่โชเฟอร์ก็พยายามบอกให้เจ้าของคลิปลงจากรถเพราะว่าจะกลับบ้าน แต่เจ้าของคลิปไม่ยอมลง และยังระบายอย่างอัดอั้นตันใจถึงกระบวนการยุติธรรมว่า ผ่านมาหลายปี ไม่มีหน่วยงานไหนสามารถจับผู้ต้องหาให้ได้ ทั้งที่มีหมายจับ ก่อนที่โชเฟอร์แท็กซี่จะขับรถไปจอดที่ปั๊มน้ำมันย่านบางปู เจ้าของคลิปจึงโทรฯ แจ้งตำรวจให้ตามมายึดรถไปที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ

ต่อมาผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อเท็จเรื่องดังกล่าว ทราบว่า ผู้อัดคลิปกับโชเฟอร์แท็กซี่ในคลิปนั้นเป็นคู่กรณีกันตั้งแต่ปี 2563 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2563 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กได้โพสต์คลิปวิดีโอการสนทนา โดยใช้หัวข้อว่า วินเถื่อน BTS แพรกษา มีคลิปครับ พูดคุยสนทนาฟังดูกันเอาเองแล้วกันครับ แพรกษา BTS ฟังน้ำเสียงดูสิครับ การเรียกเก็บค่าจอดว่า จากบุคคลกลุ่มหนึ่ง โดยคนขับแท็กซี่ เล่าว่า ระหว่าง วิ่งรถ และ มาหยุดรอ รับ-ส่ง ผู้โดยสาร ที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านถนนสุขุมวิท ซึ่งมีรถแท็กซี่จอดอยู่ 4-5 คัน โดยมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ท้ายรถแท็กซี่คันสุดท้าย ระหว่างนั้น ก็พยายามที่จะจอดต่อท้าย แต่ชายคนดังกล่าวมาบอกว่า ต่อแถวไม่ได้ เพราะไม่ได้จ่ายเงินค่าวิน จึงสอบถามว่า เก็บค่าวินเท่าไหร่ ใครเป็นผู้ดูแล แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ โดยชายคนดังกล่าวบอกว่า ไม่สามารถบอกข้อมูลคนนอกวินได้ ซึ่งจากการสังเกตก็พบว่า มีรถแท็กซี่จอดอยู่หลายคันที่ริมถนน หน้าห้างสรรพสินค้า ใต้สถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีแพรกษา จากนั้น จึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ เพราะคิดว่าอาจจะเป็นพวกเก็บส่วยจากวินรถแท็กซี่ ซึ่งหลังเกิดเรื่องเจ้าหน้าที่ก็ติดตามตัวชายทั้ง 2 คนในคลิปมาแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด

ล่าสุด เมื่อช่วงค่ำวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองสมุทร สามารถจับกุม นายสุมนัส (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี ได้ที่บ้านพัก พบเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหาเป็นอั้งยี่ หรือซ่องโจร, ร่วมกันพยายามขืนใจผู้อื่น, ใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้อันตรายแก่กายและจิตใจ พร้อมยึดรถแท็กซี่สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทว 9375 กรุงเทพมหานคร ไว้ตรวจสอบ

จากการสอบถาม นายสุมนัส ผู้ต้องหาตามหมายจับ เล่าว่า ระหว่างที่จอดรถแท็กซี่รอลูกค้าอยู่ที่หน้าบิ๊กซี สมุทรปราการ อยู่ๆ ก็มีชายสวมหมวกกันน็อกเดินหาบอกให้ไปโรงพัก แล้วก็กระโดดขึ้นรถแท็กซี่ตนเลย จำไม่ได้ก็เลยถามว่าเป็นใคร พร้อมบอกให้ลงจากรถ แต่ก็ไม่ยอมลงจึงขับรถไปจอดทิ้งไว้ที่ปั๊มเอสโซ่บางปู แล้วกลับบ้าน ปล่อยให้นั่งอยู่บนรถ ยอมรับว่าจำไม่ได้และกลัว เพราะใส่หมวกกันน็อกตลอด ส่วนเรื่องที่ถูกออกหมายจับนั้นไม่ทราบมาก่อน เพราะตนป่วยเป็นโควิดนอนติดเตียงพักฟื้นอยู่ที่ต่างจังหวัดมานานหลายปี เพิ่งจะกลับมาขับรถแท็กซี่ได้ไม่นาน ส่วนเรื่องรถแท็กซี่ก็ยอมรับว่า รถหมดอายุจริง ต่อทะเบียนขับรถแท็กซี่ไม่ได้ แต่ก็ต้องขับเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวนิดๆ หน่อยๆ ไม่มีเงินซื้อรถใหม่

นายทรงชัย แซ่ตั้น อายุ 38 ปี เจ้าของคลิป เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้นำหมายจับไปพบกับผู้ต้องหา ที่เคยเป็นคู่กรณีกันเมื่อหลายปีก่อน ที่ใต้ BTS แพรกษา ถนนสุขุมวิท ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ที่เคยข่มขู่เก็บเงินค่าจอดแท็กซี่รอผู้โดยสาร จึงขึ้นไปนั่งบนรถแล้วให้พาไปที่โรงพักเมืองสมุทรปราการ แต่คนขับแท็กซี่พาตนไปที่ปั๊มน้ำมัน ย่านบางปู ก่อนจอดรถแล้วหนีไป จึงโทรฯ แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มายึดรถ ตอนนี้ก็รู้สึกสะใจที่ผู้ต้องหาถูกจับแล้วก็ขอให้ติดคุกนานๆ และขอให้เพื่อนร่วมอาชีพดูไว้อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะตอนติดคุกไม่มีใครช่วยได้