สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพอร์ตมอร์สบี ประเทศปาปัวนิวกินี เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ว่า นายกรัฐมนตรีเจมส์ มาราเป ผู้นำปาปัวนิวกินี เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามข้อตกลง ส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงระดับทวิภาคีกับสหรัฐ โดยนายวิน บากรี ดากี รมว.กลาโหมปาปัวนิวกินี ลงนามร่วมกับนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.การต่างประเทศสหรัฐ เมื่อวันจันทร์


ทั้งนี้ พิธีลงนามดังกล่าวเกิดขึ้น ก่อนสหรัฐและผู้นำ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของผู้นำจาก 14 ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ประชุมร่วมกัน โดยมาราเปกล่าวว่า ข้อตกลงฉบับนี้คือสัญญาณของ “การยกระดับความร่วมมือ” ระหว่างสหรัฐกับปาปัวนิวกินี


ขณะที่บลิงเคนกล่าวในเชิงอุปมาอุปไมย ว่าปาปัวนิวกินีและสหรัฐ สามารถ “โดยสารเรือของอีกฝ่าย” พร้อมทั้งแบ่งปันความรู้และความชำนาญทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง “เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการขับเคลื่อนเรือลำนี้ไปพร้อมกัน” แล้วขยายความว่า หมายถึง “อนาคตที่เรืองรองระหว่างปาปัวนิวกินีกับสหรัฐ”


แม้ไม่มีการพาดพิงอย่างตรงไปตรงมาถึงจีน แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า รัฐบาลวอชิงตันจับตาการขยายอิทธิพลของอีกฝ่ายในภูมิภาคแห่งนี้ “อย่างใกล้ชิดและด้วยความวิตกกังวลมาตลอด” เนื่องจากหวั่นเกรงว่า จะสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมือง ความมั่นคงและเศรษฐกิจ ไปถึงดินแดนกวมของสหรัฐ และสถานการณ์ระหว่างจีนกับไต้หวัน


นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐประกาศมอบความช่วยเหลือให้แก่ปาปัวนิวกินี เป็นกรณีพิเศษอีก 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,552 ล้านบาท) เพื่อการจัดการและแก้ไขปัญหาอาชญากรรม การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเอชไอวี


อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าทุกฝ่ายในปาปัวนิวกินีจะเห็นด้วยกับข้อตกลงที่ว่านี้ โดยในกรุงพอร์ตมอร์สบีมีการประท้วงของนักศึกษาจำนวนมาก ซึ่งมองว่า ข้อตกลงนี้จะกลายเป็นการแทรกซึมทางทหารของสหรัฐเข้าสู่ปาปัวนิวกินี.

เครดิตภาพ : AFP