ประเด็นร้อนแรงในสังคมตอนนี้ ที่เป็นการชี้ชะตาทิศทางของประเทศ ต้องยกให้การจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้การนำของ พรรคก้าวไกล และพรรคร่วม ได้แก่ พรรคเพื่อไทย, พรรคประชาชาติ, พรรคไทยสร้างไทย, พรรคเสรีรวมไทย และ พรรคเป็นธรรม ที่นอกจากปมชิงเก้าอี้ประธานสภา ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ที่กำลังโดนจับตามองอย่างร้อนแรงแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการโหวตเลือก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้เป็น นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของเมืองไทยก็ดุเดือดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของ ส.ว. (สมาชิกวุฒิสภา) ที่มีสิทธิในการร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ จนเกิดเป็นดราม่าในโลกออนไลน์ ทั้งแฮชแท็ก #ปิดสวิตช์สว และ #สวมีไว้ทำไม เคยขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์เมืองไทย รวมทั้งยังมีเครือข่ายนักวิชาการ 10 สถาบัน ร่วมกับสื่อ 10 สำนัก ยังได้เปิดโหวตเสียงประชาชน “ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ที่ ส.ว. ควรเคารพเสียงประชาชน โดยโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามเสียงข้างมากของ ส.ส.” มาแล้ว

และก่อนที่จะถึงวันโหวตเลือก นายกรัฐมนตรี ในช่วงเดือน ส.ค. นี้ “บันเทิงเดลินิวส์” ขอรวมคนบันเทิงที่ออกมา Call Out แสดงความคิดเห็น และเป็นกระบอกเสียงแทนประชาชนคนไทย สะท้อนถึงเหล่า ส.ว. ในการทำตามหน้าที่ โดยเฉพาะการทำตามฉันทามติจากประชาชน

เริ่มที่ เจนนิเฟอร์ คิ้ม ศิลปินปินดีว่าคนดัง ได้โพสต์ว่า “ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน ประเทศชาติถูกขับเคลื่อนด้วยความต้องการและความเป็นอยู่ของประชาชน บ้านเมืองต้อง ‘ก้าวไปข้างหน้า’ ไปหาความเจริญ อะไรดีก็ทำให้มันดียิ่ง ๆ ขึ้น อะไรไม่ดีก็ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนกันไปให้มันเข้ากับผู้คนทั้งรุ่นเด็กและรุ่นแก่และเข้ากับปัจจุบันทันเหตุการณ์ การดูถูก ก่นด่า ขัดขวางทำให้ล่าช้าโดยกลุ่มคนหัวหงอกหัวแข็ง รังแต่จะเสียเวลาเสียความน่าเคารพ เสียผู้ใหญ่ และผมหงอกก็มีไว้ให้คนไหว้ ไม่ได้เอาไว้ให้คนถอน! บางทีบ้านเมืองไม่คืบไม่ศอก ก็เพราะหัวหงอกที่ยึดมั่นถือมั่นและกลัวตัวเองจะไม่สำคัญ! ประเทศชาติเป็นของทุกคนไม่ใช่คนกลุ่มเดียว การขับเคลื่อนไปข้างหน้าต้องอาศัย ‘คนรุ่นใหม่’ ที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่เข้าใจคนทุกรุ่นทุกวัย เมื่อได้คนที่ถูกใจแล้วก็ต้องให้กำลังใจเห็นอกเห็นใจและเอาใจช่วย ตอนนี้เราไม่มีอะไรจะเสียแล้ว และ ‘ต่อให้หนทางข้างหน้าจะทำได้ไม่ดีเท่าที่หวังไว้ แต่ก็ไม่ฉิ..หายเท่าที่ผ่านมา!!’ ผลที่ออกมา กูตายตาหลับละค่า ป.ล.ในบางเรื่องแม่อาจเห็นต่างจาก (ความจงรักฯ ของแม่ไม่เคยเปลี่ยน) แต่ในมวลรวมเราต้องให้เขาบริหารประเทศก่อนนะคะคุณ”

นอกจากนี้ คิ้ม ยังได้เปิดใจถึงเหตุผลที่โพสต์ดังกล่าว ในรายการ “แฉ” อีกครั้ง โดยยืนยันไม่ได้เปลี่ยนข้าง รักสถาบันเหมือนเดิม แต่อยากเปิดใจให้เด็กรุ่นใหม่ คิ้ม เผยว่า “เราในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เป็นรุ่นแม่ หลังจากที่ไม่ได้ฟังลูก ๆ เราเลย เราก็ฟังเขาบ้าง เราไม่ได้เปลี่ยนข้าง เปลี่ยนใจ แต่เป็นการเปิดใจให้กับเด็ก ๆ ให้เขาได้คิดได้ทำ ในสิ่งที่เขาอยากทำ ส่วนที่โพสต์นั้น คิดแล้วถึงได้โพสต์ คิดนานเหมือนกัน สิ่งหนึ่งก่อนทำอะไรใด ๆ หัวสมองเรา จิตวิญญาณของเรา มีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชวงศ์อยู่เหนือหัวเรา สถิตอยู่ในใจเรา นั่นคือมุมเป็นคนไทยของเรา แต่ในมุมความเป็นรุ่นแม่ เราไม่ได้เปลี่ยนขั้วหรือเปลี่ยนใจ หรือเปลี่ยนสีใด ๆ เราแค่เปิดใจว่า ถ้าฉันเป็นแม่ ในความเป็นแม่ของฉัน ที่ผ่านมาฉันไม่เคยฟังลูก ๆ เลย อยากได้อะไร อยากทำอะไร แต่ความที่เรามองคนอื่นว่าเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน เราก็จะมองว่าเราเป็นผู้ใหญ่เราฟังก่อน ไหนเล่าซิ จะเอาอะไร

ถ้าสมมุติลูกสาวเรา ไปแต่งกับเจ้าขุนมูลนายที่อายุเท่าลุง แล้วอยู่มา 8 ปี ลูกเราก็บ่นกับเราว่าเขาก็ดีนะ แต่หนูอยากได้อะไรใหม่ ๆ เราก็ถามว่าลูกจะเลิกเหรอ โอเค ลูกจะแต่งกับผู้ชายหน้าตาหล่อ เก่ง ฉลาด ทันสมัย มีหัวคิดไปข้างหน้า ถ้าเราบอกว่า ถ้ามึงเลือกอย่างนี้ จะเลิกกับผู้ชายคนนี้ มึงออกไปจากชีวิตแม่เลยนะ เราพูดอย่างนั้นไม่ได้ เราเป็นแม่ เราทำได้แค่ถามว่าไหนมีอะไรในใจยังไง ในความที่ห้ามเด็กไม่ได้หรอก ห้ามใครก็ไม่ได้ เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว ลูกรักใครชอบใครเลือกไป แล้วลองผิดลองถูกไป ให้โอกาสเขาคบกัน ถ้าเกิดวันหนึ่งบางอย่างที่เรารู้สึกในใจว่า บางอย่างที่ลูกปรารถนา ลูกอยากเปลี่ยนแปลง ลูกจะไม่ได้สิ่งนั้น ไม่มีใครบนโลกนี้ที่ได้ดั่งใจทุกอย่าง”

รวมถึงศิลปินดังยังเผยถึงเรื่องการเปรียบเปรบเรื่อง “หัวหงอก” ว่า “คำว่าหัวหงอก เราใช้กับตัวเอง ไม่ได้ใช้กับใคร หัวหงอกเป็นศัพท์ที่เราใช้แทนคำว่าคนที่มีอายุแล้ว มีคุณวุฒิที่ต้องเปิดใจ เราไม่ได้ว่าชาวบ้าน ร้าน ตลาด ที่วิพากษ์วิจารณ์ใด ๆ หรือพ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายาย หรือคุณลุงคุณป้าที่ดีกับเรา ที่นับถือ ที่เทิดทูนสถาบัน เราไม่ได้ว่าตรงนั้น เราหมายถึงคนที่อยู่ในส่วนการเมือง เราไม่ได้หมายถึงประชาชนคนทั่วไป ก่อนที่จะเข้าใจเรื่องพวกนี้ ก่อนเลือกตั้งจริงจัง เราเป็นคนชอบซื้อกับข้าวข้างถนน พ่อค้าแก่ ๆ รุ่นตายายเข็นของ ยืนซื้อของเขา ถามเขาว่า ‘จะเลือกตั้งแล้วจะเลือกอะไร’ เขาก็ชี้ไปสีโน้น เราก็ถามว่า ‘ทำไมล่ะ’ เราถามคนไปทั่วนะ เพราะชอบคุย เขาบอกว่า ‘เจ๊ ลุงกับป้าก็ไม่ไหวแล้ว มันผ่านมาช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาลำบากมาก เขาอยากมีความหวัง อยากมีชีวิตที่ดีขึ้นก่อนตาย’ ไม่ใช่คนคนเดียว ความที่เราได้ลงไปเจอกับผู้คนเยอะแยะ มันไม่รู้สึกสะท้านใจเหรอ แต่เราเป็นแม่ เรากลับมาคิดว่าอีกหน่อยนะ เด็กเขาจะเรียนรู้เอง ว่าเขาจะไม่ได้ทุกอย่างที่เขาอยากได้หรอก เขาจะได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วเรื่องเหล่านี้ พอไปอยู่ในสภา เราดีใจนะ ที่ออกมาโครงประมาณนี้ พรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ที่มีผู้ใหญ่อยู่เยอะ และพรรคนี้ที่มีเด็ก ๆ อยู่เยอะเหมือนกัน กว่าจะผ่านร่างกฎหมายอะไรสักอย่าง มันจะเป็นความร่วมมือร่วมใจกันระหว่างผู้ใหญ่ เขาจะมีเหตุผลหนึ่ง เด็กจะมีเหตุผลหนึ่ง เพื่อความก้าวหน้าของประเทศชาติ ภายใต้พระมหากษัตริย์เป็นประมุข ถามว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ดีตรงไหน ฉันผิดตรงไหนที่ฉันพูด ถ้าจะไม่รักฉันในฐานะที่เป็นนักร้องได้ แต่อย่าเกลียดฉัน ในฐานะที่ฉันเป็นไทย ที่อยากให้ อีกหน่อยอนาคตลูกหลานของฉัน ที่อีก 20 ข้างหน้าประเทศชาติ ก็เป็นของเขาแล้ว เราต้องถอยบทบาทมา

ที่พูดไม่ได้ด่าใครเลยจริง ๆ หัวหงอก ไม่ได้กล่าวล่วงเกินละลาบละล้วง ลุงป้าน้าอาพี่ป้าทั้งหลายแหล่ ขอกราบประทานโทษจริง ๆ ทำไมต้องอันฟอล ทำไมต้องสาปแช่งให้เราล่มจม เมื่อก่อนโมโห แต่ตอนนี้เขาด่าก็อยากขอโทษ ทุกวันนี้เวลาใครเข้ามาด่า ไม่ว่าสักคำ รู้สึกในใจว่าขอโทษนะ ที่ไม่สามารถทำให้ได้ดั่งใจ บางคนถามว่าเจ๊เปลี่ยนไปเหรอ เราก็ไปตอบว่าอย่าเพิ่งโกรธเจ๊ บ้านเมืองจะต้องเป็นไป เจ๊ก็รักสถาบันเหมือนเดิม ถ้าหนูเข้าใจเจ๊ เจ๊อยากเห็นบ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า มันต้องมีการเปลี่ยนแปลง บางคนก็ขอบคุณที่เจ๊มาคุยด้วย ให้คำอธิบาย ถ้าใครไม่เข้าใจ ไม่โกรธเลย กราบขอประทานโทษจริง ๆ ที่ทำให้ผิดหวัง…”

ด้าน พอล-ภัทรพล ศิลปาจารย์ อดีตพระเอกชื่อดังที่ปัจจุบันผันตัวไปเป็นนักธุรกิจ ก็ได้โพสต์เรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทั้ง “ถ้า 250 ส.ว. เป็นคนพิจารณาคุณสมบัตินายกฯ แล้วเราจะให้กกตใช้งบ 6,000 ล้าน + ให้คน 40 ล้านคน ออกไปเลือกตั้ง “เพื่อ?!?” , “250 คน > 26,000,000 คน #พวกเราตกเลข?”, “เลือกตั้งไปเพื่อ?!? #สว250 #ความชอบธรรม #ฟังเสียงประชาชน”

รวมทั้ง พอล  ยังได้โพสต์คลิปบอกอีกว่า “เรียนถาม ส.ว. ทั้ง 250 ท่าน ถ้าสุดท้ายแล้ว ส.ว. เป็นคนเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นคนชี้ชะตาได้ว่าคนนี้ฉันเอา คนนี้ฉันไม่เอา คำถามคือ แล้วคุณจะให้ กกต. ใช้งบ 6  พันล้าน จัดการเลือกตั้งไปทำไม ให้คน 40 ล้านคน ออกจากบ้าน ไปเลือกตั้งเพื่อ… ยังไม่รวมถึงพรรคการเมืองต่าง ๆ เขาต้องใช้เงิน ออกแรงในการหาเสียง ต้องเดินทาง ไปปราศรัย ไปดีเบต ไปให้สัมภาษณ์ เงินตรงนี้รวมกัน ดีไม่ดี เป็นหมื่นล้านบาท วันเลือกตั้ง ผมเห็นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง อายุน่าจะประมาณ 80 แล้ว ใช้วอล์กเกอร์ 4 ขา ค่อย ๆ เดิน ทีก้าวช้า ๆ ไปเลือกตั้ง บางคนจากนอนโรงพยาบาล ได้ขอคุณหมอจะไปเลือกตั้ง ถ้าสุดท้ายเสียงประชาชนที่ออกไปเลือกตั้ง 40 ล้านเสียงไม่มีความหมาย คุณจะให้พวกเราเสียเงิน เสียเวลา เสียงแรง เพื่ออะไร ถ้าจะเป็นแบบนี้บอกตั้งแต่ต้น ถามฉันก่อนว่าฉันชอบคนแบบไหน จะยกมือให้ใคร ประกาศให้ทุกคนทราบเลยครับว่า จะยกมือให้กับคนเดียวนี่แหละ ผู้มีพระคุณของฉัน กกต. จะได้ไม่ต้องจัดเลือกตั้ง ไปต้องไปดูงานต่างประเทศ เพราะดูไปก็ไม่มีประโยชน์ คน 40 ล้านคนก็อยู่บ้าน ดูทีวีดีกว่า จะได้รับทราบพร้อมกันไปเลยว่า เราอยู่เกาหลีเหนือ…”

มาต่อที่ศิลปินชื่อดัง หนุ่ม กะลา หรือ ณพสิน แสงสุวรรณ ก็ได้โพสต์ในโซเชียลด้วยข้อความว่า “ส.ว. เราไม่ได้เป็นคนเลือกมา แต่ทำไมถึงมาทำหน้าที่ตัดสินชะตาชีวิตเรา” ท่ามกลางประชนที่เข้าคอมเมนต์เห็นด้วยมากมาย รวมทั้ง ก้อง ห้วยไร่ นักร้องดัง ที่ได้คอมเมนต์เผ็ดร้อนว่า “คุณสมบัติเป็นหัวหน้าห้องนักเรียน ยังไม่ได้เลย บางคน” อีกด้วย

ส่วน โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน นักร้องและพิธีกรคนดัง ได้พูดถึงกรณีนี้ระหว่างจัดรายการ “หมีLIVEปะ? EP.116” ว่า  “… ตอนนี้เหลือ กกต. รับรองผล และที่เหลือต้องไปลุ้นกับ ส.ว. ลุ้นทำไม… นี่คือเรื่องตลกมากนะ เราเป็นประชาชนคนไทย เราเลือกเขาเป็นเสียงข้างมาก และเขาได้คะแนนเยอะสุด เข้าไปแล้ว แต่เราต้องไปรออีก 2 ร้อยกว่าคนที่เราไม่รู้จัก และเป็นคนที่เราไม่ได้เลือกเข้าไปด้วย ไปเลือกนายกฯ… ทำไม? ลุ้นทำไม? เขาเป็นใคร มาเลือกแทนเราได้ยังไง มันไม่ถูกนะ…” ก่อนบอกอีกว่า “ระวังนะ ไปทำอะไรไว้ กกต. ด้วย หมดวาระแล้วออกไป โดนเขาไปไล่เช็ก ไปทำอะไรผิดไว้ เรื่องใหญ่นะคุณพี่นะ แล้วพี่ไม่ต้องขู่นะ เงินเดือนพี่ภาษีผมนะ จะมาตัดสินแทนกูได้ไง…”

ขณะที่ ชานน สันตินธรกุล หรือ นนกุล พระเอกดัง ซึ่งเป็นอีกคนที่ออกมา Call Out เสมอ ล่าสุดเจ้าตัวคว้ารางวัล “หนุ่มปังแห่งปี 2023” บนเวที “KAZZAWARDS 2023” ก็ได้สปีชถึงนักการเมืองทุกคน ที่จะเข้ามาบริหารประเทศรับใช้ประชาชนว่า “ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะท่านสมาชิกวุฒิสภาหรือท่านสมาชิกผู้แทนราษฎร ที่ทรงคุณวุฒิทุกท่าน ก้าวแรกที่ท่านก้าวเข้ามาในวงการนี้ ผมเชื่อว่าทุกคนนั้นมีอุดมการณ์แรงกล้าที่จะพัฒนาประเทศ แต่การเดินทางของท่านอาจจะประสบด้วยเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่บีบบังคับให้ท่านกลายมามีโซ่ตรวนบางอย่าง แต่นี่เป็นเวลาที่ดีครับ เวลาที่ดีมาก ๆ เวลาที่ทั้งโลกจับจ้องมาที่พวกท่านทั้งหมด เป็นเวลาที่พวกท่านจะพิสูจน์ว่าอุดมการณ์ที่เคยมีในเยาว์วัยของพวกท่านนั้น จะสามารถงอกเงยออกมาเป็นรูปธรรมได้ ณ โมเมนต์นี้ ฝากถึงทุกท่าน ไม่ใช่แค่ท่าน ส.ว. แต่ท่าน ส.ส. ที่มีโอกาสจะได้เป็นรัฐบาล ฝ่ายค้านด้วยครับ…”

เช่นเดียวกับ แพต-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช นักแสดงสาวมากฝีมือ ที่คว้ารางวัล “สาวปังแห่งปี” บนเวทีนี้ ก็ได้กล่าว เรียกร้องให้ ส.ว. เคารพเสียงประชาธิปไตย เลือกรัฐบาลที่คัดเลือกมาจากประชาชนเช่นกัน โดยบอกว่า “…ขอบคุณที่ให้รางวัลแพตอีกครั้ง มันเป็นเครื่องย้ำเตือน และเป็นกำลังใจว่าเราจะหยุดปังได้ยังไง ใช่มั้ยคะ (ยิ้ม) แต่ว่าจะปังกว่านี้มาก หากรัฐบาลที่ผ่านการคัดเลือกจากประชาชนมากกว่า 14 ล้านเสียง ได้ขึ้นเป็นรัฐบาลอย่างสมบูรณ์แบบ วันนี้ขอฝาก ส.ว. หลาย ๆ ท่าน รับพิจารณาเสียงของประชาชนด้วยค่ะ แล้วคราวนี้เราจะปังไปพร้อมกันทั้งประเทศ ขอบคุณค่ะ”

นอกจากนี้ยังมี อุ๊-หฤทัย ม่วงบุญศรี ศิลปินดัง ที่ก่อนหน้านี้เคยออกมาพูดในทำนองเหมือนให้สนับสนุนให้ พิธา เป็นนายกฯ และให้ ส.ว. หยุดสกัด  พิธา เพื่อที่ประเทศจะได้ขับเคลื่อนไปข้างจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยภายหลังได้ อุ๊ ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตนไม่ได้หมายความแบบนั้น เพียงแต่ว่าต้องยอมรับกติกาเสียงข้างมาก 

รวมทั้งยังมีชี้แจง ประเด็น ส.ว. ที่บอกว่า ส.ว.ต้องหยุดไหม?  นั่นคือ คำถามของคุณพุทธ (พุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี พิธีกร) ขณะที่อุ๊ ไปร่วมในรายการ “ลุยชนข่าว” ซึ่ง อุ๊ ยอมรับว่า ควรหยุดสกัด เพราะในขณะสนทนานั้น คะแนนของก้าวไกลและเพื่อไทย เกินกว่า 300 แล้ว! และถ้ารวมกับพรรคร่วมอี่น ๆ มีความเป็นไปได้ที่ก้าวไกลและเพื่อไทย ชนะ ส.ว. ขาดแล้วนั่นเอง! เมื่อชนะ ส.ว. ขาดแล้ว คำตอบคือทำอะไรไม่ได้ เพราะกติกาเป็นเช่นนั้น คุณพุทธ ถามว่า ส.ว. จะยกมือให้ก้าวไกลไหม? อุ๊ บอกว่า “ไม่ทราบ”

ไม่ว่าผลของการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้จะออกมายังไง แต่การเลือกตั้งใหญ่ครั้งนี้ ได้กลายเป็นอีกมูฟเมนต์สำคัญของวงการบันเทิงไทย ที่ “คนดัง” กล้าออกมาพูดเรื่องการเมือง ให้เป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญยังเป็นการพิสูจน์ว่า เสียงของ “คนดัง” นั้นทรงพลัง และเมื่อใช้มันอย่างถูกต้อง ภายใต้สิทธิและเสรีภาพที่ประชานชนทุกคนพึงมี มันจะกลายเป็นกระบอกเสียงชั้นดีให้พี่น้องคนไทยได้มากจริง ๆ

ภาพ / คลิป : teampatchayanit, dara_fc14, ลุยชนข่าว, หมีLIVEปะ? EP.116, แฉ, Kazz Magazine, ไอจี
j.kim4real, nonkul, paulpattarapon, moveforwardparty.official