เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. นายแมน ดวงเนตร อายุ 52 ปี และนางมณี ดวงเนตร อายุ 55 ปี ชาวบ้านใน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ได้เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน กรณี น.ส.นงนุช ดวงเนตร อายุ 31 ปี ลูกสาวที่แต่งงานไปอยู่กับสามีชาวจีน ที่กรุงปักกิ่ง แต่กลับโดนสามีทำร้ายร่างกาย และถูกกักขังในบ้าน 3 ปี พร้อมกับยึดโทรศัพท์ไม่ให้ติดต่อกับพ่อแม่ จากนั้นลูกสาวได้ตัดสินใจหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากสถานทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน แต่ต้องใช้เงิน 1 แสนบาท ในการดำเนินการส่งกลับ
พ่อและแม่ ร่วมกันเล่าว่า ลูกสาวเคยแต่งงานกับสามีชาวไทย แต่ได้แยกทางกัน ลูกสาวจึงได้ไปทำงานนวดแผนไทยอยู่ที่พัทยา จ.ชลบุรี ต่อมาปี 2562 ได้รู้จักกับหนุ่มชาวจีน ชื่อ นายเว่ย เลียง จิน อายุ 32 ปี กระทั่งทั้งคู่ได้จัดพิธีแต่งงาน มีค่าสินสอด 1 แสนบาท ก่อนที่ลูกสาวจะเดินทางไปอยู่บ้านสามีที่เมืองซิงไท่ กรุงปักกิ่ง อยู่ได้แค่ 2 เดือน ลูกสาวโทรฯ มาบอกว่า ถูกสามีใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกาย พร้อมกับยึดหนังสือเดินทาง และถูกกักขังไม่ให้ติดต่อนานกว่า 3 ปี
พ่อและแม่ เล่าต่อว่า ตนรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวมาก จึงได้ทำหนังสือและไปขอความช่วยเหลือที่กระทรวงการต่างประเทศ ต่อมามีเจ้าหน้าที่ไปสอบถามหาลูก ซึ่งสามีก็ยอมให้พบและติดต่อกับพ่อแม่ได้ กระทั่งลูกสาวได้หนีออกจากบ้าน โดยไม่มีพาสปอร์ตติดตัว และไปขอความช่วยเหลือจากสถานทูตไทยในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ให้พ่อแม่ส่งเงินมาเป็นค่าปรับและค่าดำเนินการส่งตัวกลับจำนวน 1 แสนบาท ถ้าช้าจะส่งลูกสาวกลับไปหาสามี
“พวกตนเป็นคนจน ทำงานรับจ้างทั่วไป ไม่มีเงิน 1 แสนบาท ส่งไปให้เจ้าหน้าที่ แต่ยายได้เอาเงินเบี้ยยังชีพคนชราที่เก็บสะสมไว้ 1 หมื่นบาท ส่งไปให้เจ้าหน้าที่ก่อน เพราะเกรงว่าเจ้าหน้าที่จะส่งลูกสาวกลับไปบ้านสามีและจะถูกทำร้ายร่างกายอีก จึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือส่งลูกสาวกลับบ้านด้วย” พ่อและแม่ร่ำไห้ขอร้องทั้งน้ำตา
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้วิดีโอคอลกับ น.ส.นงนุช ซึ่งอาศัยอยู่ที่สถานทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง เล่าว่า หลังแต่งงานแล้วเดินทางมาอยู่ที่บ้านสามี ผ่านไป 2 เดือน สามีก็เปลี่ยนไปเริ่มใช้ความรุนแรง โดยใช้สิ่งของที่อยู่ใกล้มือทุบตี ทั้งเก้าอี้ และมีด และถูกยึดโทรศัพท์เอาไว้ หลังจากพ่อแม่ไปขอความช่วยเหลือจากกระทรวงการต่างประเทศ ก็มีเจ้าหน้าที่มาตามหาตนที่บ้านสามี ก่อนยอมให้ติดต่อกับพ่อแม่ว่ายังมีชีวิตอยู่ จากนั้นอาศัยจังหวะที่สามีเผลอ ขี่รถจักรยานไฟฟ้าหนีออกจากบ้านไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนชาวไทย และถูกส่งมายังสถานทูต โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ต้องเสียค่าดำเนินการส่งกลับเมืองไทยประมาณ 1 แสนบาท พวกตนเป็นคนจน ไม่รู้จะเอาเงิน 1 แสนบาท มาจากไหน วอนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ หากถึงบ้านแล้วจะไปหาทำงานผ่อนเงินส่งให้.